เรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นางภคมน หลิววงศ์กร
กลุ่มสาระการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานของรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 6 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถ
ในการอ่านเชิงวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 4) เพื่อประเมินและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดย
มีวัตถุประสงค์เฉพาะ ดังนี้ (4.1) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ก่อนและหลังใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่าน
เชิงวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (4.2) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มี
ต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่าน
เชิงวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ นักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/3 จำนวน 32 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้
ตามรูปแบบ จำนวน 7 แผน แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์เป็นแบบปรนัย
4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ แบบฝึกทักษะที่ใช้เป็นสื่อประกอบ แบบสอบถามที่ศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แบบสัมภาษณ์เป็นการถามข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานของครูกลุ่มสาระ
การเรียนรู้ภาษาไทย และแบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนเกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์สำหรับนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ(%) ค่าเฉลี่ย ("X" ̅)
ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.) ทดสอบค่าที (t - test) แบบ Dependent และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
สรุปผลการวิจัย
การวิจัย เรื่องการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการของนักเรียนและครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า นักเรียนชอบรูปแบบการจัดการเรียนรู้ จำนวน 32 คน คิดเป็นร้อยละ100 ด้านองค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย 1) แนวคิด ทฤษฎีและหลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) เนื้อหา 4) กิจกรรมการเรียนการสอน และ 5) การวัดและประเมินผล ควรมีทั้ง 5 องค์ประกอบ ด้านขั้นตอนการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน ได้แก่ ขั้นที่ 1 ขั้นเตรียมสมอง ( Brain Gym) ขั้นที่ 2 ขั้นศึกษาความรู้ใหม่ (Study new Knowledge) ขั้นที่ 3 ขั้นฝึกทักษะ ( Practice) ขั้นที่ 4 ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Knowledge Sharing) ขั้นที่ 5 ขั้นสรุปความรู้ (Knowledge Summary) และ ขั้นที่ 6 ขั้นวัดและประเมินผล (Measurement and Evaluation) ควรมีทั้ง 6ขั้นตอน ด้านหลักการอ่านเชิงวิเคราะห์ ได้แก่ 1) อ่านแล้วสรุปใจความสำคัญได้ 2) อ่านแล้วขยายความได้ 3) อ่านแล้วบอกข้อเท็จจริงข้อคิดเห็นได้ 4) อ่านแล้วประเมินค่าได้ 5) อ่านแล้วนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ควรมีทั้ง 5 หัวข้อ ด้านเนื้อหาในแบบฝึกทักษะ ได้แก่ 1) เน้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน 2) เข้าใจง่าย ไม่ยากจนเกินไป 3) เรียงลำดับจากง่ายไปหายาก 4) พัฒนาความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ 5) ตรงกับความสามารถในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ควรมีทั้ง 5 หัวข้อ ด้านการประเมินผลงานของนักเรียน นักเรียนต้องการให้ประเมินผลงานด้วยการตรวจชิ้นงานมากที่สุด ส่วนผู้ประเมินผลงานของนักเรียน นักเรียนต้องการให้ครูผู้สอนเป็น
ผู้ประเมินผลงานมากที่สุด
2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถ
ในการอ่านเชิงวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่พัฒนาขึ้น มีองค์ประกอบ 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) แนวคิด ทฤษฎีและหลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ
3) เนื้อหา 4) กิจกรรมการเรียนการสอน และ 5) การวัดและประเมินผล ประกอบด้วยกระบวน
การเรียนการสอน 6 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นที่ 1 ขั้นเตรียมสมอง ( Brain Gym) ขั้นที่ 2 ขั้นศึกษาความรู้ใหม่ (Study new Knowledge) ขั้นที่ 3 ขั้นฝึกทักษะ ( Practice) ขั้นที่ 4 ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Knowledge Sharing) ขั้นที่ 5 ขั้นสรุปความรู้ (Knowledge Summary) และ ขั้นที่ 6 ขั้นวัดและประเมินผล (Measurement and Evaluation)
ผลการตรวจสอบความเป็นไปได้และความสอดคล้องของรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 ท่าน พบว่า มีค่าดัชนีความสอดคล้อง รายข้อมีค่าเฉลี่ยระหว่าง 0.80 1.00 แสดงว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้มีความสอดคล้องและมีความเป็นไปได้
ในการนำไปใช้
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 32 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนเทศบาลวัดโคกสะท้อน ระยะเวลาในการทดลองจำนวน 16 ชั่วโมง รวมทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน จำนวน 7 แผนการเรียนรู้ โดยผู้วิจัยเป็นผู้ดำเนินการจัดกิจกรรมตามขั้นตอนของรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานควบคู่กับแบบฝึกทักษะที่ใช้เป็นสื่อประกอบ ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ E1/E2 คือ 81.47/82.08 เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80
4. ผลการประเมินและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลดังนี้
4.1 ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ก่อนและหลังใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ หลังใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4.2 ผลการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ความคิดเห็นโดยภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก