ชื่อเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ด้วยรูปแบบวัฎจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น (5Es)ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการ(Action Research) เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ชื่อผู้วิจัย วัฒนาพร รังคะราช
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ด้วยรูปแบบวัฎจักร การเรียนรู้ 5 ขั้น (5Es) ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ด้วยรูปแบบวัฎจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น (5Es) ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2) พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 และนักเรียนจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของนักเรียนทั้งหมด มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไป 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ด้วยรูปแบบวัฎจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น (5Es) ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนเนินยางประชาสามัคคี อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 35 คน ใช้ระเบียบวิธีการวิจัยเชิงปฏิบัติการตามแนวคิดของ Kemmis & Mctaggart ประกอบด้วย 3 วงจรปฏิบัติการ คือ วงจรที่ 1 ใช้แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 4 วงจรที่ 2 ใช้แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 10 วงจรที่ 3 ใช้แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 14 ใช้เวลาทั้งหมด 14 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองปฏิบัติ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ 14 แผน 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติ ได้แก่ แบบบันทึกผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบสังเกตพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน ใบกิจกรรม ใบงานและแบบทดสอบท้ายวงจร 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและแบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและสรุปความเรียง
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ด้วยรูปแบบวัฎจักรการเรียนรู้5 ขั้น
(5Es) ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ เป็นรูปแบบที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมและสำรวจค้นหาความรู้ด้วยตนเอง มีการปฏิบัติกิจกรรมเป็นกลุ่ม เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น เกิดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบและส่งเสริมให้นักเรียนเกิดทักษะการคิดวิเคราะห์ ซึ่งมีรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ดังนี้ 1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) เป็นการแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้และทบทวนความรู้เดิมเพื่อนำไปสู่ความรู้ใหม่เตรียมความพร้อมในการเรียน 2) ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) เป็นขั้นดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้นักเรียนต้องวางแผนร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กำหนดแนวทางการสำรวจตรวจสอบเพื่อค้นหาคำตอบโดยการสังเกต สำรวจ ทดลอง โดยใช้ใบความรู้เป็นเครื่องมือช่วยในการเรียนรู้ 3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) เป็นขั้นที่นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ แปลผล สรุปผลและนำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ เป็นหลักการหรือความคิดรวบยอดของนักเรียนแต่ละกลุ่ม 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) เป็นขั้นที่นำเอาองค์ความรู้ที่ได้ ไปแก้ปัญหาหรืออธิบายสถานการณ์หรือเหตุการณ์ใหม่ที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นโดยค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง 5) ขั้นประเมิน (Evaluation) เป็นการตรวจสอบสิ่งที่นักเรียนได้เรียนรู้ว่ามีความถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนเพียงใด ด้วยการทำใบงาน ซึ่งเป็นการประเมินด้านความรู้ความเข้าใจและการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาได้
2. ผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยรูปแบบวัฎจักรการเรียนรู้
5 ขั้น (5Es) ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่า นักเรียนจำนวนร้อยละ 88.57 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไป ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการกิจกรรมจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ด้วยรูปแบบ
วัฎจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น (5Es) ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ ในระดับมากที่สุด (x̄= 4.55)