การรายงานครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อสร้างและศึกษาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และเพื่อศึกษา
ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อ
การสื่อสารวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการรายงานครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 ปีการศึกษา 2561 ของโรงเรียนบ้านแก้งวิทยา จำนวน 32 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Cluster random sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่มใช้เวลาใน
การทดลอง 18 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าได้แก่ 1) แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) คู่มือการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียนแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดัชนีประสิทธิผลและทดสอบค่าที ผลของ
การรายงานปรากฏดังนี้
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.20/81.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร
วิชาภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 0.74 แสดงว่า นักเรียนมีความก้าวหน้า
ทางการเรียนรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 74
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ
การอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร วิชาภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สูงกว่าก่อนเรียน
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05
4. ระดับคะแนนความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ
การอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร วิชาภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมมีระดับคะแนนเฉลี่ย 4.65 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.62 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด