ชื่ออเรื่อง เรื่อง การพัฒนาสื่อการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ของคลื่น
เรื่อง แสงกับทัศนอุปกรณ์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ผู้วิจัย นายวีระ ยันทะแย้ม
สาขาวิชา ฟิสิกส์
โรงเรียน บัวขาว
ปีที่ศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ต้องการสร้างและพัฒนาสื่อการเรียนการสอน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 3 เรื่อง แสงกับทัศนอุปกรณ์ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยการวิจัยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาสื่อการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ของคลื่น เรื่อง แสงกับทัศนอุปกรณ์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของชุดการเรียน 3) เพื่อเปรียบเทียบคะแนนทดสอบก่อนเรียนกับหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง แสงและทัศนอุปกรณ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นโดยการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลองแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนบัวขาว จำนวน 36 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย และเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง แสงและทัศนอุปกรณ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 6 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 6 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบทดสอบ ปรนัยชนิดเลือกตอบ 5 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง ระหว่าง 0.25 - 0.75 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.39 0.79 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.85 และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนโดยใช้ชุดการเรียนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น(= 0.71) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage, %) ค่าเฉลี่ย(Arithmetic Mean, )ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน(Standard Deviation, S.D.)และการทดสอบที (t-test, Dependent Samples)
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง แสงและทัศนอุปกรณ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 79.50/87.62 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง แสงและทัศน-อุปกรณ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเท่ากับ 0.75
3. คะแนนการทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. นักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่อง แสงและทัศน-อุปกรณ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยภาพรวมอยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด
โดยสรุปชุดการเรียนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามเกณฑ์ที่กำหนดนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้นเพราะคะแนนทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนและนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา อยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุดดังนั้น จึงควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนต่อไป