ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างการคิด
อย่างมีวิจารณญาณ และการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย นางสุจิตร เอกพิมพ์
สถานศึกษา โรงเรียนท่าขอนยางพิทยาคม อำเภอกันทรวิชัย
องค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม
ปีที่ศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความสามารถการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความสามารถการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความสามารถการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อทดลองใช้และศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ (3.1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความสามารถการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์กับวิธีเรียนแบบปกติ (3.2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นกับวิธีปกติ และ (3.3) เปรียบเทียบความสามารถการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นกับนักเรียนที่เรียนด้วยวิธีปกติ 4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความสามารถการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ โดยการประยุกต์ร่วมกับกระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) และมีวิธีดำเนินการแบ่งเป็น 4 ขั้นตอนดังนี้ 1) การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน 2) การพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ 3) การทดลองใช้และศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบ และ 4) ประเมินและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 2 ห้องเรียน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบอย่างง่ายด้วยวิธีการจับสลากโดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม ประกอบด้วย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 24 คน เป็นกลุ่มควบคุม และ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 จำนวน 25 คน เป็นกลุ่มทดลอง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนท่าขอนยางพิทยาคม สังกัดสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) แบบสอบถามข้อมูลพื้นฐาน 2) แบบสัมภาษณ์ 3) แบบสังเกต 4) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ 5) คู่มือการใช้รูปแบบ 6) แบบทดสอบวัดความสามารถการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 7) แบบทดสอบการแก้ปัญหา และ 8) สอบถามความพึงพอใจของนักเรียน การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้สถิติพื้นฐานคือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยใช้t-test (Independent Samples) และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยเขียนบรรยายประกอบความเรียง (Content Analysis) ผลการวิจัยพบว่า
1. รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความสามารถการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีกรอบแนวคิดทฤษฎีที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาดังนี้ 1) รูปแบบการจัดการเรียนการสอนของจอยซ์และเวลล์ (Joyce and Weill. 2004) และทิศนา แขมมณี (2551) 2) แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวกับการคิดการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 3)ทฤษฎีสรรค์สร้างความรู้ (Constructivist) 3) ทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล(Information Processing Theory) 4) หลักการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (StudentCentered Learners) 5) ทฤษฎีการไตร่ตรองการจัดการเรียนรู้ (Reflection) และ 6) แนวคิดเทคนิคการส่งเสริมยุทธศาสตร์การคิด และองค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความสามารถการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มี 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ซึ่งมี 7 ขั้นย่อย ดังนี้ (1)ระบุประเด็นปัญหา (2) รวบรวมและเลือกข้อมูลที่เกี่ยวข้อง(3) กำหนดสมมุติฐาน (4) วิเคราะห์ข้อมูล (5) ลงข้อสรุป/การแก้ปัญหา (6)ประเมินผลและไตร่ตรองการเรียนรู้
( Reflection) และ (7) การประยุกต์ใช้ 4) การวัดและประเมินผล 5) เงื่อนไขในการนำรูปแบบการเรียนรู้ไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ 6) แผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดกาเรียนรู้ทู้วิจัย โดยมีผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากถึงระดับมากที่สุดทุกข้อ แสดงว่ามีความเหมาะสมในการนำไปใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความสามารถการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
2. การพัฒนาและหาประสิทธิภาพและดัชนีประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างเสริมสร้างความสามารถการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า 2.1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 82.91/80.13 ส่วนวิธีปกมีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.90/77.92 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ (80/80)
3. ผลการทดลองใช้และประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความสามารถการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า 3.1) นักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความสามารถการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่านักเรียนที่เรียนโดยวิธีเรียนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ (3.2) นักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความสามารถการคิดอย่างมีวิจารณญาณกว่านักเรียนที่เรียนโดยวิธีปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (3.3) นักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความสามารถการคิดอย่างมีวิจารณญาณและแก้ปัญหามีความสามารถการแก้ปัญหาสูงกว่านักเรียนทีเรียนด้วยวิธีเรียนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความสามารถการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์โดยรวมและรายข้อทุกข้อในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือข้อ 6 กิจกรรมการเรียนรู้ทำให้นักเรียนได้คิดและลงมือปฏิบัติการหาคำตอบของปัญหาด้วยเทคนิควิธีการที่หลากหลายข้อ 10 กิจกรรมการเรียนนี้น่าสนใจและอยากเข้าร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง และข้อ 15 กิจกรรมการเรียนรู้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง และข้อ 16 กิจกรรมการเรียนรู้นี้ท้าทายและน่าสนใจทำให้อยากเข้าร่วมตลอดเวลา ตามลำดับ ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือข้อ 17 กิจกรรมการเรียนรู้นี้สนุกสนาน
คำสำคัญ : รูปแบบการเรียนรู้ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การคิดอย่างมีวิจารณญาณ แก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์