บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
เรื่อง : รายงานผลการประเมินโครงการพัฒนาการดำเนินงานโรงเรียนต้นแบบเรียนรวมตามโครงสร้างซีท โรงเรียนบ้านหนองป่าก่อ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3
หน่วยงาน : โรงเรียนบ้านหนองป่าก่อ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3
ผู้รายงาน : นายทรงเดช ชัยปัญหา
ปีที่พิมพ์ : 2562
.
การรายงานครั้งนี้เป็นการรายงานผลการประเมินโครงการพัฒนาการดำเนินงานโรงเรียนต้นแบบการเรียนรวมตามโครงสร้างซีท โรงเรียนบ้านหนองป่าก่อ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 โดยประยุกต์ใช้รูปแบบการประเมินตาม CIPPIEST Model เสนอโดย แดเนียล แอล สตัฟเฟลบีม (Daniel L. Stufflebeam) มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินโครงการพัฒนาการดำเนินงานโรงเรียนต้นแบบเรียนรวมตามโครงสร้างซีท ด้านบริบท ด้านปัจจัยนำเข้า ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิต ซึ่งด้านผลผลิตประกอบด้วยส่วนขยาย ได้แก่ ด้านผลกระทบ ด้านประสิทธิผล ด้านความยั่งยืน และด้านการถ่ายทอดส่งต่อ กลุ่มตัวอย่างที่ให้ข้อมูลในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 67 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการประเมิน พบว่า
ผลการประเมินบริบทของโครงการ พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด (x ̅ = 4.53, S.D. = 0.56) ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า มีค่าเฉลี่ยระหว่างมากถึงระดับมากที่สุด โดยค่าเฉลี่ยสูงสุด 2 อันดับแรก ได้แก่ มีการศึกษาสภาพปัญหาของโรงเรียนโรงเรียนต้นแบบการเรียนรวม (x ̅ = 4.76, S.D. = 0.52) และโครงการฯ สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน (x ̅ = 4.63, S.D. = 0.50) ตามลำดับ
ผลการประเมินปัจจัยนำเข้าของโครงการ พบว่าโดยรวมอยู่ในระดับ มาก (x ̅ = 4.50 , S.D. = 0.55) ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า มีค่าเฉลี่ยระหว่างระดับมาก ถึงมากที่สุด โดยพบว่าค่าเฉลี่ยสูงสุด 2 อันดับแรก ได้แก่ ระยะเวลาที่ใช้ในการจัดกิจกรรมมีความเหมาะสม (x ̅ = 4.63, S.D. = 0.50) และกิจกรรมของโครงการมีความเหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน (x ̅ = 4.58, S.D. = 0.52) ตามลำดับ
ผลการประเมินกระบวนการของโครงการ พบว่า กิจกรรมที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด 2 อันดับแรก ได้แก่ กิจกรรมการจัดทำแผนการศึกษาเฉพาะบุคคล(IEP) (x ̅ = 4.58, S.D. = 0.59) รองลงมาคือ กิจกรรมการสร้างเจตคติของโรงเรียนจัดการเรียนรวม (x ̅ = 4.56, S.D. = 0.50) ส่วนความคิดเห็นของนักเรียน พบว่า กิจกรรมที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด 2 อันดับแรก ได้แก่ กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ (x ̅ = 3.58 , S.D. = 0.49) รองลงมามีผลค่าเฉลี่ยเท่ากันคือ กิจกรรมการสร้างเจตคติของโรงเรียนจัดการเรียนรวม (x ̅ = 3.49, S.D. = 0.50) และกิจกรรมการเตรียมความพร้อมของโรงเรียนเรียนรวม (x ̅ = 3.49, S.D. = 0.50) เมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยสูงสุดในแต่ละกิจกรรมตามความคิดเห็นของครู พบว่า กิจกรรมการสร้างเจตคติต่อโรงเรียนเรียนรวม ได้แก่ ครูทำงานในโรงเรียนด้วยความเต็มใจและ มีความสุข (x ̅ = 4.75, S.D. = 0.46) กิจกรรมการเตรียมความพร้อมของโรงเรียนเรียนรวม ได้แก่ มีการประชุมชี้แจงให้ครู นักเรียน ถึงแนวทางปฏิบัติตัวในกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน (x ̅ = 4.74, S.D. = 0.53) กิจกรรมการคัดกรองนักเรียน ได้แก่ คณะกรรมการคัดกรองและครูประจำชั้นร่วมประชุมเพื่อนำกลุ่ม เสี่ยง มีปัญหา และพิเศษ มาทำตามคัดกรองตามเครื่องมือคัดกรองของกระทรวงศึกษาธิการ และเครื่องมือคัดกรอง KUS-SI (x ̅ = 4.75, S.D. = 0.52) กิจกรรมการจัดทำแผนการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) ได้แก่ โรงเรียนแต่งตั้งคณะกรรมการการจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) (x ̅ = 4.75 , S.D. = 0.46) กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ ได้แก่ มีการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษาตามที่ระบุใน IEP ให้กับนักเรียน (x ̅ = 4.75, S.D. = 0.53) กิจกรรมการสอนเสริม มีการกำหนดเกณฑ์ที่เหมาะสมในการประเมินผลการของการสอนเสริม (x ̅ = 4.75 , S.D. = 0.46) และกิจกรรมการวัดและประเมินผล ได้แก่ มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสำหรับการวัดและประเมินผลการจัดการเรียนรวม (x ̅ = 4.67, S.D. = 0.51) ส่วนค่าเฉลี่ยสูงสุดในแต่ละกิจกรรมแตามความคิดเห็นของนักเรียน พบว่า กิจกรรมการสร้างเจตคติต่อโรงเรียนเรียนรวม ได้แก่ การบริหารจัดการทรัพยากรในการดำเนินกิจกรรมมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม (x ̅ = 3.58, S.D. = 0.50) กิจกรรมการเตรียมความพร้อมของโรงเรียนเรียนรวม ผู้บริหารได้แจ้งนโยบาย ให้ความรู้ในแนวทางการดำเนินงานโรงเรียนต้นแบบเรียนรวม (x ̅ = 3.57, S.D. = 0.49) กิจกรรมการคัดกรองนักเรียน ได้แก่ โรงเรียนกำหนดแนวทางให้ความช่วยเหลือ การส่งต่อนักเรียนเบื้องต้น (x ̅ = 3.53 , S.D. = 0.50) กิจกรรมการจัดทำแผนการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) ได้แก่ มีการประเมินความสามารถในปัจจุบันและความต้องการจำเป็นพิเศษของนักเรียน (x ̅ = 3.51 , S.D. = 0.50) กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ ได้แก่ มีการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง ที่หลากหลายและเหมาะสมกับการจัดการเรียนรวม (x ̅ = 3.69 , S.D. = 0.44) กิจกรรมการสอนเสริม ได้แก่ มีการกำหนดเกณฑ์ที่เหมาะสมในการประเมินผลการของการสอนเสริม (x ̅ = 3.53 , S.D. = 0.50) และกิจกรรมการวัดและประเมินผล ได้แก่ มีการวัดและประเมินผลนักเรียนต้องมีความสอดคล้องกับแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (x ̅ = 3.53 , S.D. = 0.51)
ผลการประเมินผลผลิต ตามส่วนขยายผลผลิตของโครงการ ดังนี้
ด้านผลกระทบ
ผลการประเมินมาตรฐานการเรียนรวม พบว่า กิจกรรมที่ดำเนินการในโครงการพัฒนาการดำเนินงานโรงเรียนต้นแบบการเรียนรวมตามโครงสร้างซีท โรงเรียนบ้านหนองป่าก่อ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรวมเพื่อประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาครอบคลุมทั้ง 4 มาตรฐานและเมื่อวิเคราะห์เอกสารของผลการประเมินการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โดยภาพรวมผลการประเมินอยู่ในระดับ ดี ทั้ง 4 มาตรฐาน
ผลงาน รางวัลที่ได้รับจากการบริหารโครงการ คือ นักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ได้รับรางวัลจากงานมหกรรมความสามารถทางศิลปหัตถกรรมวิชาการ และเทคโนโลยี ของนักเรียน ปีการศึกษา 2561 ระดับเขตพื้นที่การศึกษา รางวัลเหรียญทอง รองชนะเลิศอันดับที่ 2 กิจกรรมการแข่งขันการจัดทำหนังสือเล่มเล็ก ประเภทนักเรียนที่มีความพกพร่องทางการเรียนรู้ ระดับชั้น ป.4 - ป.6 การแข่งขันทักษะภาษาไทยในโครงการรักษ์ภาษาไทย เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ ปี 2561 รางวัลชนะเลิศ กิจกรรมการคัดลายมือ ป.4 - ป.6
ด้านประสิทธิผล
4.2.1 ประสิทธิผลที่เกิดขึ้นตามเป้าหมายของโครงการ พบว่า โดยรวมประสิทธิผลเป็นไปตามเป้าหมายอยู่ในระดับมากที่สุด เรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ตามความคิดเห็นของครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้แก่ ด้านสภาพแวดล้อม (Environment) (x ̅ = 4.64 , S.D. = 0.49) ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน (A:Activities) (x ̅ = 4.61 , S.D. = 0.49) ด้านนักเรียน (S:Stuent) (x ̅ = 4.59 , S.D. = 0.49) และด้านเครื่องมือ (T:Tools) (x ̅ = 4.57 , S.D. = 0.49) ตามลำดับ ส่วนลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยตามความคิดเห็นของผู้ปกครอง และนักเรียน ได้แก่ มีค่าเฉลี่ยเท่ากันสูงสุด ด้านสภาพแวดล้อม (Environment) (x ̅ = 3.64 , S.D. = 0.48) และด้านกิจกรรมการเรียนการสอน (A:Activities) (x ̅ = 3.64 , S.D. = 0.48) ด้านนักเรียน (S:Stuent) (x ̅ = 3.61 , S.D. = 0.48) และด้านเครื่องมือ (T:Tools) (x ̅ = 4.55 , S.D. = 0.50) ตามลำดับ เมื่อพิจารณาผลที่เกิดรายด้าน พบว่า ด้านนักเรียน (Student) ทั้งครู คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง และนักเรียน มีความคิดเห็นสอดคล้องกัน คือ นักเรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ หรือพิการ ได้รับสิทธิโอกาสทางการศึกษา (x ̅ = 4.73, S.D. = 0.46) และ (x ̅ = 4.73, S.D. = 0.46) เป็นค่าเฉลี่ยสูงสุด ส่วนด้านสภาพแวดล้อม (Environment) ตามความคิดเห็นของครู และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า มีการจัดสิ่งแวดล้อมภายในบริเวณโรงเรียนที่มีความเหมาะสมต่อการจัดการเรียนรวม (x ̅ = 4.80, S.D. = 0.41) มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ส่วนผู้ปกครองและนักเรียน ที่มีความเห็นว่า ได้แก่ ผู้บริหารมีบทบาท และเป็นผู้นำในการสร้างบรรยากาศของการจัดการเรียนรวม (x ̅ = 3.68 , S.D. = 0.47) มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน (Activities) ตามความคิดเห็นของครู และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความเห็นว่า มีการรายงานผลการเรียนของนักเรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ หรือพิการ เรียนรวม (x ̅ = 4.73, S.D. = 0.46) มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ส่วนผู้ความคิดเห็นของปกครองและนักเรียน มีการนำข้อมูลสารสนเทศมาจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล(IEP) (x ̅ = 3.70, S.D. = 0.46) มีค่าเฉลี่ยสูงสุด และในด้านด้านเครื่องมือ (Tools) พบว่า ตามความคิดเห็นของครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความเห็นว่า มีการจัดตั้งคณะกรรมการจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) (x ̅ = 4.63, S.D. = 0.52) มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ส่วนผู้ปกครอง และนักเรียน มีความคิดเห็นว่า มีการนิเทศ ติดตาม การดำเนินงานการจัดการเรียนรวม (x ̅ = 3.63, S.D. = 0.49) มีค่าเฉลี่ยสูงสุด
4.2.2 ประสิทธิผลที่เกิดด้านความพึงพอใจต่อโครงการ พบว่า ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครอง และนักเรียน พึงพอใจต่อโครงการโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อ ตามความคิดเห็นของครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า โครงการทำให้นักเรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ หรือพิการเรียนรวม นำหลักความรู้ ทักษะ ค่านิยมสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม (x ̅ = 4.80, S.D. = 0.41) มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ส่วนผู้ปกครองและนักเรียน โครงการทำให้เกิดประโยชน์กับนักเรียน (x ̅ = 3.62, S.D. = 0.49) มีค่าเฉลี่ยสูงสุด
4.3 ด้านความยั่งยืน ด้านความยั่งยืน พบว่า จากการสนทนากลุ่ม (Focus Group) ที่ประกอบด้วย ครู และบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนบ้านหนองป่าก่อ จำนวน 8 คน ในเรื่องแนวปฏิบัติที่เป็นระบบของการดำเนินงานโครงการพัฒนาการดำเนินงานโรงเรียนต้นแบบการเรียนรวมตามโครงสร้างซีท ที่เป็นนวัตกรรมนำไปสู่ความสำเร็จ และคงอยู่อย่างต่อเนื่อง ผู้รายงานสรุปเป็นรูปแบบการบริหารงานพัฒนาการดำเนินงานโรงเรียนต้นแบบการเรียนรวม ตามโครงสร้างซีท เป็น 5G Model โมเดล ซึ่งมีกระบวนการดำเนินงาน ดังนี้
4.3.1 ปัจจัยนำเข้า (Input) เกี่ยวข้องกับทรัพยากรที่เป็นโครงสร้างของซีท ประกอบด้วย นักเรียน สภาพแวดล้อม กิจกรรมการเรียนการสอน และเครื่องมือ และการบริหารจัดการที่เกี่ยวกับสภาพปัจจุบัน และความต้องการ นโยบายของต้นสังกัด และมีผลกระทบต่อการบริหารโครงการ
4.3.2 กระบวนการ (Process) เป็นการออกแบบแผนงานโครงการ โดยเฉพาะในเรื่องกิจกรรมที่ปฏิบัติในโครงการที่สอดคล้องกับบริบทของโรงเรียนบ้านหนองป่าก่อ ซึ่งกิจกรรมที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ กิจกรรมการสร้างเจตคติของโรงเรียนเรียนรวม กิจกรรมการเตรียมความพร้อมของโรงเรียนเรียนรวม กิจกรรมการคัดกรองนักเรียน กิจกรรมการจัดทำแผนการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) กิจกรรมการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน กิจกรรมการสอนเสริม และกิจกรรมการวัดผลประเมินผล โรงเรียนต้องกำหนดเป้าหมาย และแนวทางการดำเนินงานในอนาคตที่ชัดเจนที่มุ่งสู่ความสำเร็จของการดำเนินงานโครงการในด้านนักเรียน ด้านสภาพแวดล้อม ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน และด้านเครื่องมือ โดยนำรูปแบบการบริหารเป็น 5G Model ซึ่งกำหนดวิธีการดำเนินการบริหารนวัตกรรมเพื่อบรรลุเป้าหมาย ดังนี้
G ที่ 1: Good New paradigm (กระบวนทัศน์ใหม่ ที่ดี) เป็นการนำวิธีปฏิบัติ แนวการดำเนินชีวิต มาทบทวนใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับยุค และสถานการณ์กับการบริหารโครงการในยุคของการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 ดังนี้ คือ คุณธรรม (Moral agents) ตัวผู้บริหาร ครู นักเรียน จะต้องเป็นผู้นำด้านคุณธรรมให้แก่นักเรียนในโรงเรียน วิสัยทัศน์ร่วม (Chare Vision) ทุกคนต้องมีวิสัยทัศน์ร่วมกันเพื่อบรรลุสู่เป้าหมายเดียวกันของการบริหารโครงการพัฒนาการดำเนินงานโรงเรียนต้นแบบการเรียนรวมตามโครงสร้างซีท การกระตุ้นปัญญา (Intellectual Stimulation) ผู้บริหาร และคณะครู ต้องส่งเสริมกระตุ้นให้นักเรียน และนักเรียน ได้เกิดปัญญา รู้จักแก้ไขปัญหา ในการดำเนินกิจกรรม ใฝ่บริการ (Servant) ผู้บริหาร ครู และนักเรียน ต้องมีจิตใฝ่บริการให้แก่ผู้รับบริการ ทั้งตัวนักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และกระจายภาวะผู้นำ (Distributed) ในการดำเนินงานและกิจกรรมในโครงการต้องมีการกระจายภาวะผู้นำทีม โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ทำงานในบทบาทผู้นำและผู้ตามโดยไม่หวงอำนาจไว้กับผู้บริหาร ครู หรือนักเรียน เป็นการปรับแนวความคิดวิสัยทัศน์ศึกษา สภาพ ความต้องการพัฒนาของชุมชน สถานศึกษา และนโยบายของต้นสังกัด
G ที่ 2 : Good Participation (การมีส่วนร่วมที่ดี) เป็นการบริหารจัดการโครงการที่เปิดโอกาสให้นักเรียน ครู และบุคลากรทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานทุกขั้นตอน และเน้นการมีส่วนร่วมด้านการสร้างเครือข่ายการทำงาน มีการทำงานร่วมกันอย่างสม่ำเสมอโดย ปรับเปลี่ยนทัศนคติของทุกคนให้มีเป้าหมายและวัตถุประสงค์เดียวกัน
G ที่ 3 : Good Knowledge (การมีองค์ความรู้ที่ดี) ในการดำเนินงานของโรงเรียนต้นแบบการเรียนรวมนั้น สิ่งที่จำเป็นคือการมีองค์ความรู้ และมีความเข้าใจในกระบวนการดำเนินงานของการเรียนรวม ผู้บริหาร ครู นักเรียนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องรู้การเรียนรวม เช่น โรงเรียนเรียนรวมคืออะไร แนวทางการดำเนินงาน รูปแบบการดำเนินงาน เป็นต้น เพื่อที่ทุกฝ่ายจะได้มีความเข้าใจและร่วมปฏิบัติหน้าที่ของตนเองได้อย่างถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์
G ที่ 4 : Good Satisfaction (การมีความพึงพอใจที่ดี) การดำเนินกิจกรรมโครงการต้องเน้นให้เกิดความพึงพอใจของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการดำเนินงานตามโครงการ โดยเฉพาะผู้รับบริการที่ส่งนักเรียนเข้ามาเรียนในโรงเรียนต้นแบบการเรียนรวม รวมไปถึงผู้ที่มีหน้าที่ ที่จะต้องพัฒนานักเรียนตามกระบวนการการดำเนินงานต้องมีความเต็มใจในการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อทุกฝ่ายมีความพึงพอใจของการดำเนินงานตามโครงการการเรียนรวม เชื่อได้ว่าก็จะมีการพัฒนาการดำเนินงานของโรงเรียนต้นแบบการเรียนรวมไปสู่คุณภาพในอนาคต
4.3.3 ผลผลิต (Output) ผลที่เกิดขึ้นจากกระบวนการบริหารงานพัฒนาการดำเนินงานโรงเรียนต้นแบบการเรียนรวมตามโครงสร้างซีท โรงเรียนบ้านหนองป่าก่อ คือ G ที่ 5 : Good Inclusive Schools (โรงเรียนต้นแบบการเรียนรวมที่ดี) คือ โรงเรียนต้นแบบการเรียนรวมที่ดีประกอบด้วยคุณภาพด้านตัวนักเรียน ด้านสภาพแวดล้อมของโรงเรียนเรียนรวม ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ด้านเครื่องมือ และความพึงพอใจในการดำเนินงานโรงเรียนต้นแบบการเรียนรวม
4.3.4 ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) เป็นการสะท้อนผลการดำเนินงานตามสภาพจริงของการบริหารโครงการที่ใช้รูปแบบการบริหาร 5G Model มาใช้บริหารจัดการ โดยนำผลการประเมินมาวิเคราะห์ว่ามีปัญหา อุปสรรคที่ควรแก้ไขและพัฒนาอย่างไร เพื่อบรรลุเป้าหมาย ที่ตั้งไว้ ถ้าหากว่าปรับปรุงแก้ไขแล้วยังไม่บรรลุตามที่กำหนด ก็ดำเนินการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นระบบต่อไป ถ้าหากตรวจสอบ ปรับปรุงแก้ไขแล้วได้ผลตามเป้าหมาย ดำเนินการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ และขยายผลนวัตกรรมสู่โรงเรียนและหน่วยงานอื่นๆ เพื่อพัฒนาโครงการสู่ความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะในการนำผลการประเมินไปใช้
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และหน่วยงานต้นสังกัดควารส่งเสริม สนับสนุนให้ทุกโรงเรียนจัดการเรียนรวมในทุกระดับชั้นทั้งนี้เพราะเป็นการส่งเสริมศักยภาพการเรียนรู้ตามความแตกต่างระหว่างบุคคลและสร้างสัมพันธ์ภาพที่ดีระหว่างนักเรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ พิการ กับเด็กปกติ
ควรส่งเสริมให้โรงเรียนยึดแนวโครงสร้าง SEAT Framework เป็นขอบข่ายในการพัฒนาการการจัดการเรียนรวม ซึ่งครอบคลุมการพัฒนาและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เกิดประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างโรงเรียน
ควรมีการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างชุมชน องค์กร และหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของสภานักเรียนที่เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
ข้อเสนอแนะเพื่อการวิจัยประเมินในครั้งต่อไป
ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบสภาพปัญหา อุปสรรค และแนวทางการพัฒนาการัดการเรียนรวมในโรงเรียนที่มีขนาดแตกต่างกันคือ เล็ก กลาง ใหญ่ ในเขตพื้นที่การศึกษาเดียวกัน เพื่อสร้างรูปแบบการจัดการเรียนรวมในโรงเรียนที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่เหมาะสมกับโรงเรียนแต่ละขนาด
ควรมีการวิจัยประเมินรูปแบบการบริหารโครงการพัฒนาการดำเนินงานโรงเรียนต้นแบบเรียนรวมตามโครงสร้างซีทต้นแบบ ระดับประเทศ สู่ความเป็นเลิศ เพื่อเป็นแนวปฏิบัติให้กับโรงเรียนที่ต้องการพัฒนาการบริหารการจัดการเรียนรวม