|
|
บทคัดย่อ
หัวข้องานวิจัย การพัฒนาครูโดยใช้รูปแบบการนิเทศแบบมีส่วนร่วมโรงเรียนเทศบาลบ้านศรีมงคล
ผู้วิจัย นายไพฑูรย์ พั้วป้อง
ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนเทศบาลบ้านศรีมงคล
ปี ที่พิมพ์ 2561
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ1)เพื่อพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียนของครูโรงเรียนเทศบาลบ้านศรีมงคล 2) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการนิเทศแบบมีส่วนร่วม ของครูผู้นิเทศและครูผู้รับการนิเทศ ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือครูผู้สอน จำนวน 52 คน และนักเรียน จำนวน 712 คน โรงเรียนเทศบาลบ้านศรีมงคล โดยใช้วิธีการสุ่มแบบอาสาสมัคร จำแนกเป็ นครูผู้นิเทศและครูผู้รับการนิเทศ จำนวน 11 คน และนักเรียนชั ้นประถมศึกษาปี ที่ 3 , 4 และ 6 จำนวน 328 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นครูผู้สอนจำนวน 11 คน จำแนกเป็นครูผู้นิเทศ จำนวน 7 คน และครูผู้รับการนิเทศ จำนวน 8 คน (ซึ่งเป็นครูที่ทำหน้าที่เป็นทั้งผู้นิเทศและผู้รับ การนิเทศ จำนวน 4 คน) และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 3,4 และ 6 จำนวน 328 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบอาสาสมัคร (Volunteers Sampling) เครื่องมอที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์แบบทดสอบ แบบสอบถาม แบบสังเกต และประเด็นสนทนากลุ่ม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) ค่า Wilcoxon Signed Ranks Test ค่า T-test แบบ dependent และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ผลการวิจัย พบว่า
1) รูปแบบการนิเทศแบบมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียนมีชื่อว่า ซีไอพีอี (CIPE Model) ประกอบด้วย หลักการ มุ่งเน้นกระบวนการนิเทศที่เป็นระบบสัมพันธ์กันและคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล วัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาสมรรถภาพการนิเทศและการทำวิจัยในชั้นเรียน กระบวนการนิเทศ 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 Classifying : C การคัดกรองระดับความรู้ ความสามารถ ทักษะที่สำคัญเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้และการวิจัยในชั้นเรียนเพื่อจัดกลุ่มครูและเลือกวิธีการนิเทศที่เหมาะสมสำหรับครูแต่ละกลุ่ม ขั้นตอนที่ 2 Informing : I การให้ความรู้ ก่อนการนิเทศ ขั้นตอนที่ 3 Proceeding : P การดำเนินงาน ได้แก่ 3.1 การประชุม ก่อนการสังเกตการสอน (Pre conference) 3.2 การสังเกตการสอน(Observation) 3.3 การประชุมหลังการสังเกตการสอน (Post conference) ขั้นตอนที่ 4 Evaluating : E การประเมินผลการนิเทศโดยมีการกำกับ ติดตาม (Monitoring)อย่างต่อเนื่องทุกขั้นตอน และ
2) ผลการใช้รูปแบบการนิเทศแบบหลากหลายวิธีการเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน พบว่า ครูผู้นิเทศมีสมรรถภาพในการนิเทศแบบมีส่วนร่วม อยู่ในระดับสูงมาก และมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการวิจัยในชั้นเรียนก่อนและหลังการใช้รูปแบบการนิเทศ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยหลังการใช้รูปแบบการนิเทศมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบการนิเทศ ครูผู้รับการนิเทศมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการนิเทศแบบมีส่วนร่วมก่อนและหลังการใช้รูปแบบการนิเทศ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยหลังการใช้รูปแบบการนิเทศมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบการนิเทศ มีสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน อยู่ในระดับสูงมาก และมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการนิเทศแบบมีส่วนร่วม อยู่ในระดับมากที่สุด และนักเรียนมีผลการเรียนรู้ ก่อนและหลังการใช้รูปแบบการนิเทศแบบมีส่วนร่วมของครูผู้รับการนิเทศ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยหลังการใช้รูปแบบการนิเทศ นักเรียนมีผลการเรียนรู้สูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบการนิเทศ
|
โพสต์โดย siri678 : [27 ส.ค. 2562 เวลา 08:47 น.] อ่าน [5147] ไอพี : 125.25.211.43
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 44,098 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,030 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,837 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,448 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,864 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,356 ครั้ง
| เปิดอ่าน 22,457 ครั้ง
| เปิดอ่าน 67,089 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,541 ครั้ง
| เปิดอ่าน 8,972 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,889 ครั้ง
| เปิดอ่าน 20,217 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,128 ครั้ง
| เปิดอ่าน 23,761 ครั้ง
| เปิดอ่าน 20,243 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 31,501 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,760 ครั้ง
| เปิดอ่าน 8,972 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,287 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,991 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|