ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ วิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ DPWR เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 4 เฉลิมพระเ

ชื่อผู้ศึกษา : วราภรณ์ สินธุโคตร

หน่วยงาน : โรงเรียนเทศบาล 4 เฉลิมพระเกียรติ เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์

จังหวัดกาฬสินธุ์

ปีที่ศึกษา : 2560

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลสำหรับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ DPWR เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 4 เฉลิมพระเกียรติ 2)เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ DPWR เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 4 เฉลิมพระเกียรติ 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ DPWR เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 4 เฉลิมพระเกียรติ 4) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ DPWR เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 4 เฉลิมพระเกียรติ แหล่งข้อมูล / เป้าหมายตามวัตถุประสงค์ ที่ 1 ได้แก่ ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องในโรงเรียนเกี่ยวกับงานวิจัย ได้แก่ นโยบายของโรงเรียน แผนงานโครงการที่ปฏิบัติในปีที่ผ่านมา รายงานประจำปีของสถานศึกษา คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายงานผลการเรียนประเมินภายนอกของ สมศ. ( องค์กรมหาชน ) รอบ 3 โดยสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมายผู้บริหาร ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ จำนวน 4 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 40 คน คณะกรรมการศึกษา 15 คน แหล่งข้อมูล / กลุ่มเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ที่ 2 ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ 5 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 1 กาฬสินธุ์พิทยาสิทธิ์ ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนที่มีผลการเรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน อย่างละ 1 คน รวม 3 คน และนักเรียนที่เป็นรายกลุ่มที่มีผลการเรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน อย่างละ 3 - 4 คน รวม 10 คน แหล่งข้อมูล / กลุ่มเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ที่ 3 และ 4 ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 4 เฉลิมพระเกียรติ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 40 คน ได้มาโดยการสุ่มแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling ) เครื่องมือในการเก็บข้อมูล1) แบบสอบถามจำนวน 4 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 1 แบบสัมภาษณ์ผู้บริหาร ฉบับที่ 2 แบบสัมภาษณ์ครู ฉบับที่ 3 แบบสัมภาษณ์คณะกรรมการสถานศึกษา และฉบับที่ 4 แบบสัมภาษณ์นักเรียน / วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ 2) แบบประเมินสอดคล้องและประเมินคุณภาพ โดยแบบประเมินชนิดมาตราส่วนประมานค่า 5 ระดับ โดยผู้เชี่ยวชาญประเมิน 3) เอกสารประการพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาวิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ DPWR เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ 4) แบบทดสอบระหว่างเรียนในเอกสารประกอบการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ DPWR เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 5) เอกสารประกอบการพัฒนาการจัดการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ DPWR เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ 6) แบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ 7) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การคิดวิเคราะห์ข้อมูลเป็นการวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปและการคิดวิเคราะห์เนื้อหา ( Content Analysis ) สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์เนื้อหา (S.D.) และค่าที (t-test) แบบ Dependent

ผลวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้

วิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ DPWR เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 4 เฉลิมพระเกียรติ พบว่า จากการสัมภาษณ์ สอบถามจากผู้เกี่ยวข้อง และการศึกษาข้อมูลจากเอกสารรายงานการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษา ปีการศึกษา 2554- 2557 การประเมินภายนอกรอบ 3 (Self Assessment ) สภาพปัจจุบันนักเรียนขาดทักษะการคิดวิเคราะห์ คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง นักเรียน คณะครู ผู้บริหาร ต้องการให้ครูหาวิธีในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ได้ฝึกคิด ฝึกปฏิบัติ ซึ่งทำให้ส่งผลถึง การพัฒนาชีวิตหลายๆ ด้าน ควรมีการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ให้กับนักเรียนโดยการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ DPWR เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้มากยิ่งขึ้น

2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ DPWR เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 4 เฉลิมพระเกียรติ พบว่าประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ของการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ DPWR เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ชั้นประถมศึกษาปีที 3 เท่ากับ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.45/84.00

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ DPWR เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 4 เฉลิมพระเกียรติ พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่ได้เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ DPWR เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ วิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ DPWR เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และผลการนำไปขยายผลให้กับครูภายในโรงเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ พบว่า ผลการทดสอบความรู้ครูผู้ร่วมวิจัยก่อนการพัฒนาได้คะแนนเฉลี่ย 12.63 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 42.08 หลังการพัฒนาได้คะแนนเฉลี่ย 26.88 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 89.58 ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 14.25 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 47.50 ความสามารถในการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ สามารถเขียนแผนการเรียนรู้ให้มีความสมบูรณ์และมีความเหมาะสม โดยมีระดับคุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ ได้คะแนนเฉลี่ย 4.32 เมื่อเทียบกับเกณฑ์ระดับคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดี และสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ DPWR เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ได้คะแนนเฉลี่ย 4.53 เมื่อเทียบกับเกณฑ์ระดับคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดีมาก

4. ผลประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ DPWR เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 4 เฉลิมพระเกียรติ พบว่านักเรียนมีความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนรู้วิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ DPWR เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 นักเรียนมีความพึงพอใจ ด้านสื่อและอุปกรณ์ในการสอน มากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.76 และโดยรวมทุกด้านมีค่าเฉลี่ย 4.63 อยู่ในระดับมากที่สุด

โพสต์โดย พร : [25 ส.ค. 2562 เวลา 10:42 น.]
อ่าน [4080] ไอพี : 49.230.30.62
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 21,615 ครั้ง
10 เรื่องจริงเกี่ยวกับความฝัน ที่คุณอาจไม่เคยรู้
10 เรื่องจริงเกี่ยวกับความฝัน ที่คุณอาจไม่เคยรู้

เปิดอ่าน 17,228 ครั้ง
วิธีดูแลริมฝีปากให้สวยแดงเป็นระเรื่อ แลดูสุขภาพดี
วิธีดูแลริมฝีปากให้สวยแดงเป็นระเรื่อ แลดูสุขภาพดี

เปิดอ่าน 10,447 ครั้ง
อย่าแตกตื่น เสียงลือ! 22 ก.ค. ตะวันดับ สึนามิ ถล่มเอเชีย?
อย่าแตกตื่น เสียงลือ! 22 ก.ค. ตะวันดับ สึนามิ ถล่มเอเชีย?

เปิดอ่าน 17,669 ครั้ง
HRD & E-Learning
HRD & E-Learning

เปิดอ่าน 19,414 ครั้ง
เทควันโด : ประวัติเทควันโดในประเทศไทย
เทควันโด : ประวัติเทควันโดในประเทศไทย

เปิดอ่าน 14,998 ครั้ง
หยุดมโน นร.นามสกุลยาวสุด ยันตัดต่อหลงเชื่อทั้งประเทศ
หยุดมโน นร.นามสกุลยาวสุด ยันตัดต่อหลงเชื่อทั้งประเทศ

เปิดอ่าน 25,790 ครั้ง
วิจัยชี้ 22ตำหรับอาหารไทยต้านโรคมะเร็ง
วิจัยชี้ 22ตำหรับอาหารไทยต้านโรคมะเร็ง

เปิดอ่าน 43,920 ครั้ง
อาเซียน +3 และ อาเซียน +6 คืออะไร ?
อาเซียน +3 และ อาเซียน +6 คืออะไร ?

เปิดอ่าน 10,782 ครั้ง
11พฤษภาคม " วันพืชมงคล "
11พฤษภาคม " วันพืชมงคล "

เปิดอ่าน 18,021 ครั้ง
งดเหล้าเข้าพรรษา ก่อนงด ต้องลดยังไง
งดเหล้าเข้าพรรษา ก่อนงด ต้องลดยังไง

เปิดอ่าน 33,449 ครั้ง
คำขวัญวันครู...พ.ศ.2522 - ปัจจุบัน
คำขวัญวันครู...พ.ศ.2522 - ปัจจุบัน

เปิดอ่าน 27,147 ครั้ง
เครดิตบูโร (Credit Bureau) คืออะไร?
เครดิตบูโร (Credit Bureau) คืออะไร?

เปิดอ่าน 16,117 ครั้ง
วิธีจำศัพท์
วิธีจำศัพท์

เปิดอ่าน 13,882 ครั้ง
ทึ่ง! เด็ก5ขวบพูดอังกฤษสำเนียงอเมริกันคล่อง
ทึ่ง! เด็ก5ขวบพูดอังกฤษสำเนียงอเมริกันคล่อง

เปิดอ่าน 13,674 ครั้ง
"นักวิทย์-นักคิด" ผู้ทรงอิทธิพลใน TIME 100
"นักวิทย์-นักคิด" ผู้ทรงอิทธิพลใน TIME 100

เปิดอ่าน 17,147 ครั้ง
ชาวเน็ตร่วมพิสูจน์! คลิปพญานาคโผล่เล่นน้ำสกลนคร...จริงหรือ?
ชาวเน็ตร่วมพิสูจน์! คลิปพญานาคโผล่เล่นน้ำสกลนคร...จริงหรือ?
เปิดอ่าน 21,097 ครั้ง
รู้ยัง? “5 ผลไม้ เด่น ที่น่าปลูกในอนาคต” มีอะไรบ้าง
รู้ยัง? “5 ผลไม้ เด่น ที่น่าปลูกในอนาคต” มีอะไรบ้าง
เปิดอ่าน 17,038 ครั้ง
วิธีการลบบาง URL ออกจากช่อง Address
วิธีการลบบาง URL ออกจากช่อง Address
เปิดอ่าน 11,831 ครั้ง
แม่ยุคใหม่ ที่ลูกต้องการ
แม่ยุคใหม่ ที่ลูกต้องการ
เปิดอ่าน 21,758 ครั้ง
แชร์สนั่น! เด็ก ศน.สอบผ่านแอดมิชชั่นยกห้อง
แชร์สนั่น! เด็ก ศน.สอบผ่านแอดมิชชั่นยกห้อง

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ