ชื่อเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI
ร่วมกับแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ชื่อผู้วิจัย นางศิรีกานต์ งามพิพัฒนพงษ์
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI ร่วมกับแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI ร่วมกับแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 3) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI ร่วมกับแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหา 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI ร่วมกับแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหา และ5) เพื่อศึกษาความคงทนในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 5 ที่เรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI ร่วมกับแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหา กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนสาหร่ายวิทยาคม อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา ที่กำลังเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 3 รหัสวิชา ค32101 ภาคเรียน
ที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 32 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบเป็นกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI แบบฝึกทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์เรื่อง ลำดับและอนุกรม จำนวน 2 ฉบับ ฉบับละ 30 ข้อ โดยฉบับที่ 1 มีค่าความเที่ยง 0.84 ค่าความยากง่าย (p) 0.40 0.80 ค่าอำนาจจำแนก (r) 0.28 0.78 ฉบับที่ 2 ค่าความเที่ยง 0.87 ค่าความยากง่าย (p) 0.25 0.56 ค่าอำนาจจำแนก (r) 0.26 0.91 แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ มีค่าความเที่ยง 0.91 ค่าความยากง่าย (p) 0.53 0.62 ค่าอำนาจจำแนก (r) 0.38 0.45 และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนมีค่า IOC เท่ากับ 1.00 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมุติฐาน ใช้การทดสอบค่าที (t-test Dependent Samples group)
ผลการวิจัยพบว่า
1. กิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI ร่วมกับแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.12/80.53 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI ร่วมกับแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหา มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยการเรียนรู้
แบบร่วมมือเทคนิค TAI ร่วมกับแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหา มีความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI ร่วมกับแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหา โดยภาพรวมอยู่ในระดับพึงพอใจมาก ("x" ̅ = 4.01, S.D. = 0.81) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจมาก 3 ด้าน ได้แก่ ในด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ("x" ̅ = 4.14, S.D. = 0.81) เป็นลำดับที่ 1 รองลงมาคือ ด้านบรรยากาศ ("x" ̅ = 0.43, S.D. = 0.75), และด้านประโยชน์ที่ได้รับ ("x" ̅ = 3.78, S.D. = 0.83). ตามลำดับ
5. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยการเรียนรู้
แบบร่วมมือเทคนิค TAI ร่วมกับแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหา มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์
หลังเรียนครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ไม่แตกต่างกัน นั่นคือ นักเรียนมีความคงทนในการเรียน