|
Advertisement
|
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ เพื่อเสริมสร้างมโนทัศน์และความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 2) พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ เพื่อเสริมสร้างมโนทัศน์และความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 3) ทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ เพื่อเสริมสร้างมโนทัศน์และความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 4) ประเมินผลรูปแบบการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ เพื่อเสริมสร้างมโนทัศน์และความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/4 โรงเรียนพิบูลมังสาหาร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 39 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสำรวจวิธีการเรียนรู้ของนักเรียน 2) แบบสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ 3) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ เพื่อเสริมสร้างมโนทัศน์และความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 4) แบบประเมินการปฏิบัติงาน 5) แบบทดสอบวัดมโนทัศน์และความสามารถในการคิดแก้ปัญหา 6) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ เพื่อเสริมสร้างมโนทัศน์และความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่า t-test แบบ Dependent Sample และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานพบว่า นักเรียนมีความสนใจในการจัดการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ ตามรูปแบบที่ได้สร้างขึ้น เนื่องจากนักเรียนต้องการศึกษาด้วยการลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ผู้เชี่ยวชาญการสอนวิชาฟิสิกส์เห็นด้วยกับรูปแบบการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ เพื่อเสริมสร้างมโนทัศน์และความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่จะนำมาพัฒนาศักยภาพในการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ปัญหานักเรียนไม่สนใจในการเรียน และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ
2. ผลการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ เพื่อเสริมสร้างมโนทัศน์และความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ได้รูปแบบกิจกรรมที่พัฒนาขึ้นมีชื่อเรียกว่า EMRSAE Model โดยรูปแบบมีองค์ประกอบคือ หลักการ วัตถุประสงค์ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และสิ่งส่งเสริมการเรียนรู้ ได้แก่ ระบบสังคม หลักการตอบสนอง และสิ่งสนับสนุน สำหรับกระบวนการจัดกิจกรรมรูปแบบการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ เพื่อเสริมสร้างมโนทัศน์และความสามารถในการคิดแก้ปัญหา มีขั้นตอนดังนี้ 1) ขั้นตรวจสอบความรู้เดิม (Eliciting : E) 2) ขั้นกระตุ้นจูงใจ (Motivating : M) 3) ขั้นปรับเปลี่ยนแนวคิด (Restructuring of ideas : R) 4) ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Sharing : S) 5) ขั้นนำแนวคิดไปใช้ (Applying of ideas : A) 6) ขั้นการประเมิน (Evaluating : E) การวัดและประเมินผล 2 ด้าน คือ ด้านมโนทัศน์ทางฟิสิกส์ และด้านความสามารถในการคิดแก้ปัญหา
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ เพื่อเสริมสร้างมโนทัศน์และความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า นักเรียนมีความสนใจและกระตือรือร้นในการเรียน ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติกิจกรรมเป็นอย่างดี
4. ผลการประเมินรูปแบบการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ เพื่อเสริมสร้างมโนทัศน์และความสามารถ ในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า 1) ผลการเรียนรู้ด้านความเข้าใจมโนทัศน์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ผลการเรียนรู้ด้านความสามารถในการคิดแก้ปัญหา หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ อยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.26, S.D. = 0.71)
|
โพสต์โดย สุปิยา กุลนา : [21 ส.ค. 2562 เวลา 23:09 น.] อ่าน [5458] ไอพี : 223.205.243.148
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
Advertisement
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 27,867 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 20,742 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 94,501 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,485 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 25,755 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 18,752 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 123,336 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 4,239 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 16,732 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 1,759 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 16,814 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 2,198 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 51,461 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 45,909 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,446 ครั้ง 
| |
|
เปิดอ่าน 20,629 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 13,870 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 13,592 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 49,921 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 8,687 ครั้ง 
|
|

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|