ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานการพัฒนาแบบฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ สำหร

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายของการวิจัย (1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลแบบฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 4) เพื่อศึกษาความสามารถในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี่ 3/1 ของโรงเรียนโรงเรียนโคกก่อพิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 20 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ (1) แบบฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ จำนวน 9 ชุด (2) แผนการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน จำนวน 9 แผน ใช้เวลาสอนจำนวน 20 ชั่วโมง (3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ที่มีค่าความยาก (P) อยู่ระหว่าง 0.38 - 0.69 มีค่าอำนาจจำแนก (B) อยู่ระหว่าง 0.44 - 0.71 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.82 และ (4) แบบประเมินความสามารถในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ มีค่าความสอดคล้องอยู่ระหว่าง 0.60-1.00 (5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน จำนวน 15 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.45–0.63 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.85 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบสมมติฐาน t-test (Dependent Sample)

ผลการวิจัยปรากฏ ดังนี้

1. แบบฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้โครงงาน เป็นฐานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ทุกเล่ม ดังนี้ ชุดที่ 1 เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโครงงานวิทยาศาสตร์ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.78/84.50 ชุดที่ 2 เรื่อง ประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 88.22/86.50 ชุดที่ 3 เรื่อง ขั้นตอนและการเลือกหัวข้อในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.78/85.00 ชุดที่ 4 เรื่อง การศึกษาเอกสารและการออกแบบการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.44/88.50 ชุดที่ 5 เรื่อง การเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 92.44/92.00 ชุดที่ 6 เรื่อง การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 93.56/93.50 ชุดที่ 7 เรื่อง การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 93.78/94.00 ชุดที่ 8 เรื่อง การนำเสนอและการจัดแสดงผลงานโครงงานวิทยาศาสตร์ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 94.33/94.50 และชุดที่ 9 เรื่อง การประเมินผลโครงงานวิทยาศาสตร์ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 92.11/95.50

2. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 0.7245 ซึ่งแสดงว่านักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน มีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 72.45

3. ผลการเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน พบว่า นักเรียนมีคะแนนจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 โดยมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความสามารถในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ อยู่ในระดับดีทุกกลุ่ม ซึ่งประเมินได้จากการคิดและระบุเรื่องที่ทำโครงงาน การจัดทำเค้าโครงงาน การลงมือทำโครงงาน การเขียนรายงาน และการจัดแสดงโครงงานได้ดีทุกกลุ่ม

5. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อที่มีค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 อันดับได้แก่ การจัดการเรียนรู้ช่วยให้นักเรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ การจัดการเรียนรู้ช่วยให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายและชัดเจนมากขึ้น และการจัดการเรียนรู้ช่วยให้นักเรียนสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองด้วยความเข้าใจ

โดยสรุป การพัฒนาแบบฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่สร้างและพัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพเหมาะสม สามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างมีคุณภาพ ช่วยให้นักเรียนภายในกลุ่มมีการช่วยเหลือกันในการทำงานมีการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีภายในกลุ่ม ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น นักเรียนมีความสามารถ ในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ และทำให้นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ในระดับมากที่สุด

โพสต์โดย ชุติมา : [16 ส.ค. 2562 เวลา 13:19 น.]
อ่าน [4863] ไอพี : 180.180.49.200
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 6,542 ครั้ง
ระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัย : สรุปให้รู้ตามทันโลกการศึกษา EP. 1
ระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัย : สรุปให้รู้ตามทันโลกการศึกษา EP. 1

เปิดอ่าน 31,111 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): การเตะจากจุดโทษ
ฟุตซอล(Futsal): การเตะจากจุดโทษ

เปิดอ่าน 16,391 ครั้ง
เมนู "ปลาทู" ใกล้ตัวอุดมโอเมก้า-3
เมนู "ปลาทู" ใกล้ตัวอุดมโอเมก้า-3

เปิดอ่าน 17,801 ครั้ง
แต่งบ้านเรียกทรัพย์
แต่งบ้านเรียกทรัพย์

เปิดอ่าน 23,316 ครั้ง
แกว่งแขนลดพุง แถมรักษาโรคได้เพียบ!
แกว่งแขนลดพุง แถมรักษาโรคได้เพียบ!

เปิดอ่าน 18,541 ครั้ง
มารู้จัก GAT และ PAT กันดีกว่า
มารู้จัก GAT และ PAT กันดีกว่า

เปิดอ่าน 30,338 ครั้ง
เกลือในทะเล มาจากไหน?
เกลือในทะเล มาจากไหน?

เปิดอ่าน 30,745 ครั้ง
วิธีเพาะทานตะวันงอก
วิธีเพาะทานตะวันงอก

เปิดอ่าน 16,599 ครั้ง
ดื่มน้ำ 8 แก้วไม่เพียงพอแล้ว
ดื่มน้ำ 8 แก้วไม่เพียงพอแล้ว

เปิดอ่าน 13,802 ครั้ง
ระบบโทรทัศน์ในประเทศไทย
ระบบโทรทัศน์ในประเทศไทย

เปิดอ่าน 8,824 ครั้ง
มิวสิควิดีโอเพลง ดีใจได้เรียนฟรี ลุงตู่จัดให้ [Official MV]
มิวสิควิดีโอเพลง ดีใจได้เรียนฟรี ลุงตู่จัดให้ [Official MV]

เปิดอ่าน 21,473 ครั้ง
การพัฒนาการศึกษาภายใต้กรอบประเทศไทย 4.0 สู่ศตวรรษที่ 21
การพัฒนาการศึกษาภายใต้กรอบประเทศไทย 4.0 สู่ศตวรรษที่ 21

เปิดอ่าน 32,613 ครั้ง
มหาลัยล้น ห้องเรียนร้าง วิกฤตอุดมศึกษาไทย
มหาลัยล้น ห้องเรียนร้าง วิกฤตอุดมศึกษาไทย

เปิดอ่าน 82,124 ครั้ง
ความสำคัญของงานกราฟิก
ความสำคัญของงานกราฟิก

เปิดอ่าน 13,478 ครั้ง
"มัลเบอร์รี่" ผลไม้สุดเทรนดี้ ประจำปี 2013
"มัลเบอร์รี่" ผลไม้สุดเทรนดี้ ประจำปี 2013

เปิดอ่าน 22,426 ครั้ง
มรดกโลกของไทย
มรดกโลกของไทย
เปิดอ่าน 12,542 ครั้ง
"บรมครูอินเตอร์เน็ต" ชี้อีก 50 ปี จะไม่มีหนังสือพิมพ์กระดาษ
"บรมครูอินเตอร์เน็ต" ชี้อีก 50 ปี จะไม่มีหนังสือพิมพ์กระดาษ
เปิดอ่าน 13,073 ครั้ง
EQ กับวัยทำงาน
EQ กับวัยทำงาน
เปิดอ่าน 13,144 ครั้ง
คลิปอุกกาบาตตกถล่มเมืองรัสเซีย บาดเจ็บกว่า 400 คน
คลิปอุกกาบาตตกถล่มเมืองรัสเซีย บาดเจ็บกว่า 400 คน
เปิดอ่าน 10,648 ครั้ง
พฤติกรรมทำร้ายกระดูกสันหลัง
พฤติกรรมทำร้ายกระดูกสันหลัง

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ