ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

ชื่อเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model)

เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

ผู้วิจัย นางสาววิไลพร พงษ์พล

ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนพรานวิบูลวิทยา

ปีการศึกษา 2561

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยให้มีจำนวนนักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของนักเรียนทั้งหมด มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไป

กลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/3 โรงเรียนพรานวิบูลวิทยา ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 32 คน

รูปแบบการวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ แยกออกเป็น 3 วงจรเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองปฏิบัติ คือ แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 18 แผน ใช้เวลาทั้งหมดจำนวน 18 ชั่วโมง 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติ ได้แก่แบบสังเกตพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู แบบสังเกตการเรียนรู้ของนักเรียน แบบบันทึกหลังสอน และแบบทดสอบท้ายวงจร 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ จำนวน 30 ข้อ แบบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก รูปแบบการวิจัยครั้งนี้ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ซึ่งมีวงจรปฏิบัติการวิจัย 3 วงจร ดังนี้ คือวงจรที่ 1 ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1–6 วงจรที่ 2 ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7–11 วงจรที่ 3 ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 – 18 โดยใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่สร้างขึ้น การเก็บรวบรวมข้อมูลผู้วิจัยและผู้ช่วยผู้วิจัยได้ทำการบันทึกผลการปฏิบัติแล้วนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้มาสรุปหาข้อบกพร่องและแนวทางแก้ไข นำไปปรับปรุงแผนการปฏิบัติการในวงจรต่อไปให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ร้อยละของค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการอธิบายความ

ผลการวิจัยพบว่า

1. กิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีขั้นตอน 7 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นนำ/ทบทวนความรู้เดิม เป็นการเตรียมความพร้อมของนักเรียน โดยผู้วิจัยแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ และทบทวนความรู้ที่เคยเรียนมาซึ่งเกี่ยวข้องกับความรู้ใหม่ที่จะได้เรียน จากกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การสนทนาซักถาม เพลง เกม สถานการณ์ปัญหาหรือให้ผู้เรียนแสดงโครงความรู้เดิมของตน 2) ขั้นแสวงหาความรู้ใหม่ นักเรียนแสวงหาความรู้จากสถานการณ์ปัญหาที่สอดคล้องกับชีวิตประจำวันและเหมาะกับวัยของผู้เรียนที่ครูจัดเตรียมไว้ให้ 3) ขั้นการศึกษาทำความเข้าใจความรู้ใหม่ และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม เป็นขั้นที่นักเรียนใช้ประสบการณ์ความรู้เดิมที่มีในขั้นนำเชื่อมโยงมายังความรู้ใหม่ ผู้วิจัยได้ใช้สถานการณ์ปัญหาเพื่อให้ผู้เรียนได้คิดด้วยตนเอง จากนั้นให้ผู้เรียนบันทึกข้อค้นพบเป็นของตนเอง 4) ขั้นแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจในกลุ่มเป็นขั้นที่นักเรียน นำความรู้และวิธีการแก้ปัญหาของตนเองที่ได้จากกิจกรรม บันทึกผลรายบุคคลมานำเสนอต่อสมาชิกในกลุ่ม เพื่อให้กลุ่มได้ช่วยกันตรวจสอบความรู้ความเข้าใจที่ผู้เรียนสร้างขึ้น รวมทั้งขยายความรู้ความเข้าใจของตนเองให้กว้างขึ้น เป็นการแบ่งปันความรู้ความเข้าใจของตนเองแก่ผู้อื่นและได้รับความรู้ความเข้าใจของผู้อื่นไปพร้อม ๆ กัน 5) ขั้นสรุปและจัดระเบียบความรู้ เป็นขั้นสรุปองค์ความรู้ทั้งหมดที่ได้รับจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ทั้งความรู้เดิมและความรู้ใหม่ จัดสิ่งที่ได้รับจากการเรียนให้เป็นระบบระเบียบเพื่อง่ายต่อการจดจำ 6) ขั้นแสดง ผลงาน เป็นขั้นที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงผลงานการสร้างองค์ความรู้ของตนเองและของกลุ่มให้ผู้อื่นได้รับรู้ ผู้เรียนได้เรียนรู้ผลงานของผู้อื่นและปรับปรุงบันทึกความรู้ของตนเองให้ดีขึ้น 7) ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ เป็นขั้นที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึกฝนนำความรู้ความเข้าใจของตนไปใช้กับสถานการณ์ที่หลากหลายแตกต่างกัน เพื่อเพิ่มความเข้าใจและฝึกให้เกิดความชำนาญ ความสามารถในการแก้ปัญหาและความจำในเรื่องนั้น ๆ โดยการทำแบบฝึกทักษะและใบกิจกรรมที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น พบว่านักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) สามารถสร้าง องค์ความรู้และตรวจสอบความรู้ได้ด้วยตนเอง มีความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าแสดงความคิดเห็น สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน มีกระบวนการกลุ่ม มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่

2. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยร้อยละ 79.17 และมีนักเรียนจำนวน 26 คน คิดเป็นร้อยละ 81.25 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไป

โพสต์โดย พร : [5 ส.ค. 2562 เวลา 10:21 น.]
อ่าน [4708] ไอพี : 101.51.186.158
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 16,388 ครั้ง
ตามไปดูต้นแบบความสำเร็จ การปฏิรูปการศึกษา 5 ประเทศ
ตามไปดูต้นแบบความสำเร็จ การปฏิรูปการศึกษา 5 ประเทศ

เปิดอ่าน 8,132 ครั้ง
"ฟุตบอล"...สอนอะไร
"ฟุตบอล"...สอนอะไร

เปิดอ่าน 20,872 ครั้ง
ลักษณะของช้างดี
ลักษณะของช้างดี

เปิดอ่าน 9,919 ครั้ง
ไฟร์ฟอกซ์ แซง ไออี 6
ไฟร์ฟอกซ์ แซง ไออี 6

เปิดอ่าน 17,224 ครั้ง
ดื่มนม ยืดอายุ
ดื่มนม ยืดอายุ

เปิดอ่าน 39,596 ครั้ง
วันครู ประวัติวันครู ความเป็นมาวันครู ความหมายวันครู การจัดงานวันครู คำปฏิญาณตนของครู
วันครู ประวัติวันครู ความเป็นมาวันครู ความหมายวันครู การจัดงานวันครู คำปฏิญาณตนของครู

เปิดอ่าน 17,089 ครั้ง
ฤกษ์ออกรถปี 2555
ฤกษ์ออกรถปี 2555

เปิดอ่าน 62,540 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 16 การเตะเข้าเล่น
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 16 การเตะเข้าเล่น

เปิดอ่าน 12,840 ครั้ง
อะไรที่กินคลายเครียดได้จริงบ้าง
อะไรที่กินคลายเครียดได้จริงบ้าง

เปิดอ่าน 6,542 ครั้ง
ระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัย : สรุปให้รู้ตามทันโลกการศึกษา EP. 1
ระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัย : สรุปให้รู้ตามทันโลกการศึกษา EP. 1

เปิดอ่าน 62,255 ครั้ง
ไอเดียทำธุรกิจแบบอินดี้ ทำก่อน รวยก่อน!
ไอเดียทำธุรกิจแบบอินดี้ ทำก่อน รวยก่อน!

เปิดอ่าน 42,562 ครั้ง
พืชที่ใช้แต่งสีอาหาร หรือให้สีย้อม
พืชที่ใช้แต่งสีอาหาร หรือให้สีย้อม

เปิดอ่าน 11,315 ครั้ง
แนวทางการพัฒนาและประเมินค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ
แนวทางการพัฒนาและประเมินค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ

เปิดอ่าน 15,718 ครั้ง
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อระบบการศึกษาไทยในแบบ "รองเท้าเบอร์เดียว"
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อระบบการศึกษาไทยในแบบ "รองเท้าเบอร์เดียว"

เปิดอ่าน 30,691 ครั้ง
สัมภาษณ์ "น้องเรนนี่" เด็กไทยอัจฉริยะ สอบได้คะแนนอันดับที่ 1 ของโลก
สัมภาษณ์ "น้องเรนนี่" เด็กไทยอัจฉริยะ สอบได้คะแนนอันดับที่ 1 ของโลก

เปิดอ่าน 24,576 ครั้ง
ลายมือแบบไหนคือ "ลายมือเสน่ห์นิยม"
ลายมือแบบไหนคือ "ลายมือเสน่ห์นิยม"
เปิดอ่าน 1,590 ครั้ง
10 ทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้นำ
10 ทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้นำ
เปิดอ่าน 27,583 ครั้ง
หมอชี้ ความเชื่อผิดๆ กินไข่ทุกวัน อันตรายเพราะคอเลสเตอรอล
หมอชี้ ความเชื่อผิดๆ กินไข่ทุกวัน อันตรายเพราะคอเลสเตอรอล
เปิดอ่าน 11,297 ครั้ง
กินอาหารเร็วเป็นเบาหวานได้ง่าย ชาวโลกพากันป่วยกันขนานใหญ่
กินอาหารเร็วเป็นเบาหวานได้ง่าย ชาวโลกพากันป่วยกันขนานใหญ่
เปิดอ่าน 14,501 ครั้ง
ทาครีมบำรุงอย่างไร ให้ถูกวิธี
ทาครีมบำรุงอย่างไร ให้ถูกวิธี

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ