หัวข้อวิจัย การศึกษาเปรียบเทียบผลการจัดการเรียนรู้แบบสตีม ศึกษา (STEAM Education)
สาระ บูรณาการ (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ ศิลปะ และคณิตศาสตร์)
ผู้วิจัย นางบุญปรานี ขันธวิเชียร
สถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลเมืองนครนายก (ศรีประชานคร)
ปีการศึกษา 2561
การศึกษาวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาผลการจัดการเรียนรู้แบบสตีม ศึกษา (STEAM Education) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยศึกษาใน 3 ประเด็น คือ
1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระวิทยาศาสตร์
2. ความสามารถในการสร้างสรรค์ชิ้นงานของนักเรียน
3. ความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบสตีมศึกษา
ซึ่งกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนอนุบาลเมืองนครนายก (ศรีประชานคร) ตำบลท่าช้าง อำเภอเมืองนครนายาก จังหวัดนครนายก จำนวน 23 คน ที่ได้มาจากการสุ่มแบบเจาะจง ส่วนเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ แบบประเมินตามสภาพจริงสำหรับประเมินความสามารถในการสร้างสรรค์ชิ้นงาน และ แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบสตีมศึกษา
ผลการศึกษาพบว่า
1.นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสตีมศึกษามีคะแนนหลังเรียนสูง
กว่าก่อนเรียน โดยมีค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนเรียน 15.57 เป็นร้อยละ 51.88 และมีคะแนนหลังเรียน 21.83 คิดเป็นร้อยละ 72.75 ซึ่งเมื่อเทียบเปรียบกับเกณฑ์แล้วพบว่าในภาพรวมอยู่ในระดับดี
2.นักเรียนมีความสามารถในการสร้างสรรค์ชิ้นงานในภาพรวมอยู่ในระดับ ดี โดยมีคะแนนเฉลี่ย 12.74 (คะแนนเต็ม 16 คะแนน) คิดเป็นร้อยละ 79.62
3.นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังจากที่ได้รับการเรียนรู้แบบสตีมศึกษาแล้ว มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรวม ซึ่งได้จากคะแนนการทดสอบและคะแนนการสร้างชิ้นงานในภาพรวมอยู่ในระดับ ดี คือมีค่าเฉลี่ยของคะแนน 34.57 คิดเป็นร้อยละ 75.14
4.นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบสตีมศึกษาอยู่ในระดับ
มาก (ค่าเฉลี่ย 4.24)