ชื่อเรื่องวิจัย การพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2561
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 30 จังหวัดเชียงใหม่
ชื่อผู้วิจัย สุภัสสร ศรีสวัสดิ์
ตำแหน่ง ครูชำนาญการ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 30 จังหวัดเชียงใหม่
วุฒิการศึกษา ศิลปศาสตร์บัณฑิต (การพัฒนาชุมชน) สภาบันราชภัฏลำปาง
ศึกษาศาสตร์บัณฑิต (การวัดและประเมินผล) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
สถานที่ติดต่อ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 30
เลขที่ 77 หมู่ 2 ตำบลแม่อาย อำเภอแม่อาย
จังหวัดเชียงใหม่ 50280 โทร 053-856080
ปีที่ทำวิจัย 2561
ประเภทวิจัย วิจัยในชั้นเรียน
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนราชประชานุ-เคราะห์ 30 จังหวัดเชียงใหม่ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 30 จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 44 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ประจำปีการศึกษา 2561 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 30 จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 25 8oที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling ) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ (1) เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (2) แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ (3) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน สถิติที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ การหาค่าความตรง (Validity) การหาคุณภาพจำแนกรายข้อ โดยวิธีการหาค่าสมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ การหาค่าความเชื่อมั่นของแบบวัดภาคปฏิบัติ และแบบวัดเจตคติ โดยใช้สัมประสิทธิ์อัลฟาของคอนบราค (Cronbach) การวิเคราะห์ประสิทธิภาพและการหาค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบประสบการณ์ การหาค่าร้อยละ (Percentage) การหาค่าเฉลี่ย (Arithmetic Mean) การหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และค่า t-test แบบ Dependent Samples
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน เรื่องวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่า E1/E2 เท่ากับ 80.40 / 82.30 แสดงว่าเอกสารประกอบการเรียน มีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้
2. มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนก่อนเรียน เฉลี่ยเท่ากับ 21.36 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.29 และคะแนนสอบหลังเรียน เฉลี่ยเท่ากับ 32.92 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.44 เมื่อทดสอบความแตกต่างของคะแนนโดยใช้สถิติทดสอบที (t-test) พบว่า ได้ค่า t เท่ากับ 29.18 ค่า p เท่ากับ .000 สรุปได้ว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนด้วยการใช้เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.52 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.50 อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาในแต่ละด้าน พบว่า ด้านเนื้อหามีคะแนนเฉลี่ยสูงสุดเท่ากับ 4.60 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.47 รองลงมา คือ ด้านสื่อการสอนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.56 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.51 รองลงมา คือ ด้านเอกสารประกอบการเรียน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.53 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.53 และด้านแบบฝึกหัดและแบบทดสอบมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.36 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.49
สรุปได้ว่า การสอนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ช่วยให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนด้วยการใช้เอกสารประกอบการเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด