ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการสอนศิลปะ

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอนศิลปะ โดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริม

ทักษะการคิดสร้างสรรค์ เรื่อง สืบสานลวดลายไทยสู่การออกแบบสร้างสรรค์

วิชาศิลปะไทย1 (ศ31203) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ผู้วิจัย นางสุมามาลย์ ออมทรัพย์ทวี

ปีที่ทำวิจัย 2561

บทคัดย่อ

การดำเนินการวิจัยครั้งมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาองค์ประกอบ ความต้องการและแนวทางในการพัฒนารูปแบบการสอนศิลปะ โดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดสร้างสรรค์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) แบบสอบถามความต้องการในการจัดการเรียนรู้โดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดสร้างสรรค์ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) 5 ระดับของลิเคิร์ท จำนวน 20 ข้อ 2) แบบสัมภาษณ์ เรื่อง แนวทางการพัฒนารูปแบบการสอนศิลปะ โดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดสร้างสรรค์ 2. เพื่อพัฒนารูปแบบการสอนศิลปะ โดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดสร้างสรรค์ เรื่อง สืบสานลวดลายไทยสู่การออกแบบสร้างสรรค์ วิชาศิลปะไทย1 (ศ31203) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถามความเหมาะสมและความถูกต้องของรูปแบบการสอน จำนวน 10 ข้อ 2) แบบสอบถามความเหมาะสมและความถูกต้องของคู่มือการใช้รูปแบบการสอนศิลปะ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สืบสานลวดลายไทยสู่การออกแบบสร้างสรรค์ วิชาศิลปะไทย1 (ศ31203) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นแบบปรนัย จำนวน 30 ข้อ 4) แบบทดสอบวัดทักษะการคิดสร้างสรรค์ เรื่อง สืบสานลวดลายไทยสู่การออกแบบสร้างสรรค์ วิชาศิลปะไทย1 (ศ31203) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 3. เพื่อทดลองรูปแบบการสอนศิลปะ โดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดสร้างสรรค์ เรื่อง สืบสานลวดลายไทยสู่การออกแบบสร้างสรรค์ วิชาศิลปะไทย1 (ศ31203) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สืบสานลวดลายไทยสู่การออกแบบสร้างสรรค์ วิชาศิลปะไทย1 (ศ31203) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นแบบปรนัย จำนวน 30 ข้อ 2) แบบทดสอบวัดทักษะการคิดสร้างสรรค์ 3) คู่มือการใช้รูปแบบการสอน 4. เพื่อประเมินรูปแบบการสอนศิลปะ โดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดสร้างสรรค์ เรื่อง สืบสานลวดลายไทยสู่การออกแบบสร้างสรรค์ วิชาศิลปะไทย1 (ศ31203) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน จำนวน 20 ข้อ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การหาประสิทธิภาพ การทดสอบค่าที และการวิเคราะห์เนื้อหา

ผลการวิจัยพบว่า

1. การศึกษาองค์ประกอบ ความต้องการและแนวทางในการพัฒนารูปแบบการสอนศิลปะ โดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดสร้างสรรค์ พบว่า องค์ประกอบของรูปแบบการสอนมี 6 องค์ประกอบ คือ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) กระบวนการสอน 4) หลักการตอบสนอง 5) ระบบสังคม 6) ระบบสนับสนุน ความต้องการในการจัดการเรียนรู้โดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดสร้างสรรค์ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ในการพัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์ประกอบด้วยการคิด 4 ประการ คือ การคิดริเริ่ม (Originality) การคิดคล่อง (Fluency) การคิดยืดหยุ่น (Flexibility) และการคิดละเอียดลออ (Elaboration) ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อให้นักเรียนได้เตรียมความพร้อม จัดกิจกรรมการเรียนการสอนหลากหลายวิธีและสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมกับผู้เรียน กับแต่ละสถานการณ์ และแต่ละสิ่งแวดล้อม

2. การพัฒนารูปแบบการสอนศิลปะ โดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดสร้างสรรค์ เรื่อง สืบสานลวดลายไทยสู่การออกแบบสร้างสรรค์ วิชาศิลปะไทย1

(ศ31203) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า รูปแบบการสอนศิลปะ มี 6 องค์ประกอบ

ความเหมาะสมและความถูกต้องของร่างรูปแบบการสอน และคู่มือการใช้รูปแบบการสอน

โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ประสิทธิภาพของรูปแบบการสอนศิลปะ จากการทดลองภาคสนามมีค่าประสิทธิภาพ เป็นไปตามเกณฑ์ประสิทธิภาพที่กำหนดไว้คือ 80/80

3. ผลการทดลองรูปแบบการสอนศิลปะ โดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดสร้างสรรค์ เรื่อง สืบสานลวดลายไทยสู่การออกแบบสร้างสรรค์ วิชาศิลปะไทย1 (ศ31203) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

3.1 ประสิทธิภาพของรูปแบบการสอนศิลปะ มีค่าเท่ากับ 87.17/83.92 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้

3.2 นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนด้วยรูปแบบการสอนศิลปะ สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3.3 นักเรียนมีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์หลังเรียนด้วยรูปแบบการสอนศิลปะ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. การประเมินรูปแบบการสอนศิลปะ โดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดสร้างสรรค์ เรื่อง สืบสานลวดลายไทยสู่การออกแบบสร้างสรรค์ วิชาศิลปะไทย1

(ศ31203) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยรวมอยู่ในระดับมาก

โพสต์โดย rin : [2 ส.ค. 2562 เวลา 12:46 น.]
อ่าน [3317] ไอพี : 182.53.201.96
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 16,330 ครั้ง
นางสงกรานต์ปี 2558 ชื่อ "รากษสเทวี"
นางสงกรานต์ปี 2558 ชื่อ "รากษสเทวี"

เปิดอ่าน 12,293 ครั้ง
9 หนทางสู่การลดน้ำหนักแบบทันใจ
9 หนทางสู่การลดน้ำหนักแบบทันใจ

เปิดอ่าน 5,325 ครั้ง
สพฐ.พลิกโฉมโรงเรียน มุ่งเป้า ป.1 อ่านเขียนได้
สพฐ.พลิกโฉมโรงเรียน มุ่งเป้า ป.1 อ่านเขียนได้

เปิดอ่าน 11,410 ครั้ง
ฟังหรือยัง เพลง "จากนี้ไปจนนิพพาน"
ฟังหรือยัง เพลง "จากนี้ไปจนนิพพาน"

เปิดอ่าน 19,824 ครั้ง
ขยันอย่างไร?...จึงจะประสบความสำเร็จ
ขยันอย่างไร?...จึงจะประสบความสำเร็จ

เปิดอ่าน 11,922 ครั้ง
5 สเต็ปคิดสักนิดก่อนตัดสินใจกู้
5 สเต็ปคิดสักนิดก่อนตัดสินใจกู้

เปิดอ่าน 9,835 ครั้ง
นโยบายการศึกษามาจากไหน-ทำไมถึงไม่สำเร็จ
นโยบายการศึกษามาจากไหน-ทำไมถึงไม่สำเร็จ

เปิดอ่าน 11,365 ครั้ง
ข้อคิดก่อนเลี้ยงสุนัข
ข้อคิดก่อนเลี้ยงสุนัข

เปิดอ่าน 12,222 ครั้ง
11 ก.พ.นี้ ห้ามสูบบุหรี่ใน "ผับ-เธค-สวนอาหาร-จตุจักร"
11 ก.พ.นี้ ห้ามสูบบุหรี่ใน "ผับ-เธค-สวนอาหาร-จตุจักร"

เปิดอ่าน 16,584 ครั้ง
มุขตลกของเด็กๆ ในห้องเรียน จำลองห้องเป็นรถเมล์
มุขตลกของเด็กๆ ในห้องเรียน จำลองห้องเป็นรถเมล์

เปิดอ่าน 16,685 ครั้ง
ชาวเน็ตร่วมพิสูจน์! คลิปพญานาคโผล่เล่นน้ำสกลนคร...จริงหรือ?
ชาวเน็ตร่วมพิสูจน์! คลิปพญานาคโผล่เล่นน้ำสกลนคร...จริงหรือ?

เปิดอ่าน 1,857 ครั้ง
การจ้างครูฝรั่งในค่าจ้างครูต่างชาติที่เอื้อมถึงง่าย
การจ้างครูฝรั่งในค่าจ้างครูต่างชาติที่เอื้อมถึงง่าย

เปิดอ่าน 9,649 ครั้ง
ตามคาด! แอปเปิลเปิดตัว
ตามคาด! แอปเปิลเปิดตัว 'ไอแพด มินิ' จอกว้าง 7.9 นิ้ว

เปิดอ่าน 110,143 ครั้ง
วิธีการปลูกพืชผัก
วิธีการปลูกพืชผัก

เปิดอ่าน 9,304 ครั้ง
เตือนคนไทยระวัง "โรคลมร้อน"
เตือนคนไทยระวัง "โรคลมร้อน"

เปิดอ่าน 34,945 ครั้ง
แนวทางการคัดเลือกหนังสือสำหรับเด็กปฐมวัยที่สอดคล้องกับกระทรวงฯ
แนวทางการคัดเลือกหนังสือสำหรับเด็กปฐมวัยที่สอดคล้องกับกระทรวงฯ
เปิดอ่าน 18,447 ครั้ง
การแก้ปัญหาการศึกษาไทย คันที่หลัง อย่าไปเกาที่ขา
การแก้ปัญหาการศึกษาไทย คันที่หลัง อย่าไปเกาที่ขา
เปิดอ่าน 236,796 ครั้ง
เรื่องที่ควรรู้ ก่อนคิดจะเลี้ยง "ไซบีเรียน ฮัสกี้"
เรื่องที่ควรรู้ ก่อนคิดจะเลี้ยง "ไซบีเรียน ฮัสกี้"
เปิดอ่าน 11,854 ครั้ง
เครื่องดื่มยามเช้าที่เหมาะกับตัวคุณ
เครื่องดื่มยามเช้าที่เหมาะกับตัวคุณ
เปิดอ่าน 10,563 ครั้ง
ขับรถอย่างฉลาด ปลอดภัย และประหยัดน้ำมัน
ขับรถอย่างฉลาด ปลอดภัย และประหยัดน้ำมัน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ