บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษา โดยใช้ทฤษฎีการเสริมสร้าง
พลังอำนาจ สำหรับสถานศึกษาจัดตั้งใหม่ระดับปฐมวัย
สังกัดเทศบาลเมืองอรัญญิก จังหวัดพิษณุโลก
ชื่อผู้วิจัย นางทิพปภา ลพประเสริฐ
ที่ปรึกษางานวิจัย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปัณณวิชญ์ ใบกุหลาบ
ปีที่รายงาน 2561
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษา โดยใช้ทฤษฎีการเสริมสร้างพลังอำนาจ สำหรับสถานศึกษาจัดตั้งใหม่ระดับปฐมวัย สังกัดเทศบาลเมืองอรัญญิก จังหวัดพิษณุโลกวิธีดำเนินการวิจัยเป็นการวิจัยและพัฒนาโดยมีขั้นตอนการวิจัย 4 ขั้นตอน ประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาและวิเคราะห์สภาพปัจจุบันและปัญหาของการมีส่วนร่วมของครูในการบริหารงานโรงเรียน ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษา โดยใช้ทฤษฎีการเสริมสร้างพลังอำนาจ สำหรับสถานศึกษาจัดตั้งใหม่ระดับปฐมวัย สังกัดเทศบาลเมืองอรัญญิก จังหวัดพิษณุโลก ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษา โดยใช้ทฤษฎีการเสริมสร้างพลังอำนาจ สำหรับสถานศึกษาจัดตั้งใหม่ระดับปฐมวัย สังกัดเทศบาลเมืองอรัญญิก จังหวัดพิษณุโลก ขั้นตอนที่ 4 การประเมินผลการใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษา โดยใช้ทฤษฎีการเสริมสร้างพลังอำนาจ สำหรับสถานศึกษาจัดตั้งใหม่ระดับปฐมวัย สังกัดเทศบาลเมืองอรัญญิก จังหวัดพิษณุโลก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบศึกษาเอกสารแบบสำรวจความคิดเห็นแบบสังเกตและแบบประเมินต่าง ๆ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์เนื้อหาและสถิติบรรยาย
ผลการวิจัยมีดังนี้
1. ผลการศึกษาและวิเคราะห์สภาพปัจจุบันและปัญหาที่ส่งผลต่อการพัฒนา การมีส่วนร่วมของครูในการบริหารงานโรงเรียน ดังนี้ 1) ผลการสำรวจความคิดเห็นของครูถึงสภาพปัจจุบันและปัญหาของการบริหารงานโรงเรียนพบว่าความรุนแรงของปัญหาอยู่ในระดับมาก ( = 4.23, S.D. = 0.57) โดยปัญหาการบริหารงานบุคลากรมีค่าเฉลี่ยสูงสุด
2. ได้รูปแบบการบริหารสถานศึกษา โดยใช้ทฤษฎีการเสริมสร้างพลังอำนาจ สำหรับสถานศึกษาจัดตั้งใหม่ระดับปฐมวัย สังกัดเทศบาลเมืองอรัญญิก จังหวัดพิษณุโลก โดยแนวคิดทฤษฎีของเทรซี่ (Tracy) และคองเจอร์ และคานันโก (Conger; & Kanungo) ที่มีส่วนองค์ประกอบ 13 ส่วนคือ 1) ความชัดเจนในความรับผิดชอบ 2) การมอบหมายอำนาจหน้าที่ 3) การกำหนดเกณฑ์มาตรฐาน 4) การฝึกอบรมและพัฒนาให้ความรู้ 5) การให้ข้อมูลข่าวสารและสารสนเทศ 6) การให้ข้อมูลย้อนกลับ 7) การให้การยอมรับและชื่นชม 8) การให้ความไว้วางใจ 9) การยอมรับข้อผิดพลาด 10) การให้เกียรติและเคารพต่อการตัดสินใจ 11) การบริหารแบบมีส่วนร่วม 12) การจัดระบบเสริมแรงทั้งด้านบวกและด้านลบ 13) การทำตัวเป็นแบบอย่างในเรื่องการครองตน ครองคน ครองงาน
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษา โดยใช้ทฤษฎีการเสริมสร้างพลังอำนาจ สำหรับสถานศึกษาจัดตั้งใหม่ระดับปฐมวัย สังกัดเทศบาลเมืองอรัญญิก จังหวัดพิษณุโลก พบว่า 1) หลังการใช้รูปแบบครูมีความรู้ในการบริหารแบบมีส่วนร่วมอยู่ในระดับมาก 2) หลังการใช้รูปแบบครูมีพฤติกรรมการมีส่วนร่วมในการบริหารงานโรงเรียนอยู่ในระดับมาก 3) ครูมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่เป็นปัจจัยส่งเสริมการบริหารงานภายในสถานศึกษาอยู่ในระดับมาก
4. ผลการประเมินรูปแบบการมีส่วนร่วมของครูเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการบริหารงานภายในสถานศึกษาของโรงเรียนอนุบาลเทศบาลอรัญญิก ปรากฏผลดังนี้ 1) ในภาพรวมครูมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ( = 3.79, S.D. = 0.47) ซึ่งถือว่าผ่านเกณฑ์การประเมิน (3.50)