ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยใช้ทักษะ 3C ตามกระแสสมัยศตวรรษที่ 21 ในการบริหารจัดการชั้นเรียนของโรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า)

บทคัดย่อ

ชื่อเรื่อง การพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยใช้ทักษะ 3C ตามกระแสสมัยศตวรรษที่ 21

ในการบริหารจัดการชั้นเรียนของโรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า)

ชื่อผู้วิจัย นางศิวพร ยืนชนม์

โรงเรียน โรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า)

ปีที่วิจัย 2561

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการในการบริหารจัดการชั้นเรียนของครูโรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า) 2) เปรียบเทียบความรู้ของครูหลังการอบรมเรื่องการใช้ทักษะ 3C ตามกระแสสมัยศตวรรษที่ 21 ในการบริหารจัดการชั้นเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 80 3) ศึกษาความ พึงพอใจของครูที่มีต่อทักษะ 3C ตามกระแสสมัยศตวรรษที่ 21 ในการบริหารจัดการชั้นเรียน 4) ศึกษาคุณภาพผู้เรียนก่อนและหลังการใช้ทักษะ 3C ตามกระแสสมัยศตวรรษที่ 21 ในการบริหารจัดการชั้นเรียน ประชากรเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ ครูที่ปฏิบัติหน้าที่สอนปีการศึกษา 2561 โรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า) จำนวน 68 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบประเมินสภาพปัจจุบันและความต้องการในการบริหารจัดการชั้นเรียนของครูโรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า) 2) คู่มือการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยใช้ทักษะ 3C ตามกระแสสมัยศตวรรษที่ 21 ในการบริหารจัดการชั้นเรียนโรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า) 3) แบบประเมินคู่มือการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยใช้ทักษะ 3C ตามกระแสสมัยศตวรรษที่ 21 ในการบริหารจัดการชั้นเรียนโรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า) 4) แบบทดสอบความรู้ก่อนและหลังการอบรมให้ความรู้การใช้ทักษะ 3C ตามกระแสสมัยศตวรรษที่ 21 ในการบริหารจัดการชั้นเรียน โรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า) ที่มีความเชื่อมั่น .87 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของครูที่มีต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยใช้ทักษะ 3C ตามกระแสสมัยศตวรรษ ที่ 21 ในการบริหารจัดการชั้นเรียนของโรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า) ที่มีค่าความเชื่อมั่น .82 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) / การทดสอบค่าที (One Sample t-test)

ผลการศึกษา พบว่า

สภาพปัจจุบันและความต้องการในการบริหารจัดการชั้นเรียนของครูโรงเรียนเทศบาล ๕

(บ้านตลาดเก่า) พบว่า สภาพปัจจุบันในการบริหารจัดการชั้นเรียนของครูโรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า) โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.39 , S.D. = .129) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านทักษะการพัฒนาลักษณะนิสัยมีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 3.54 , S.D. = .210) รองลงมา คือ ทักษะการบริหารจัดการชั้นเรียน ( = 3.50 , S.D. = .205) และทักษะการใช้นวัตกรรมการเรียนรู้ในชั้นเรียน ( = 3.15 , S.D. = .205) สำหรับความต้องการในการบริหารจัดการชั้นเรียนของครูโรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า) โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ทุกด้านมีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากัน 2 ด้าน คือ ทักษะการการใช้นวัตกรรมการเรียนรู้ในชั้นเรียน และทักษะการพัฒนาลักษณะนิสัย ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ทักษะการบริหารจัดการชั้นเรียน

ความรู้ของครูหลังการอบรมเรื่องการใช้ทักษะ 3C ตามกระแสสมัยศตวรรษที่ 21 ในการบริหารจัดการชั้นเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 80 พบว่า คะแนนจากการประเมินความรู้ความเข้าใจของครูหลังการอบรมเรื่องการใช้ทักษะ 3C ตามกระแสสมัยศตวรรษที่ 21 ในการบริหารจัดการชั้นเรียนสูงกว่า ร้อยละ 80 (32 คะแนน) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

ความพึงพอใจของครูที่มีต่อทักษะ 3C ตามกระแสสมัยศตวรรษที่ 21 ในการบริหารจัดการชั้นเรียน พบว่า ความพึงพอใจของครูที่มีต่อทักษะ 3C ตามกระแสสมัยศตวรรษที่ 21 ในการบริหารจัดการชั้นเรียน โดยรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ทุกด้านมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก โดยทักษะการพัฒนาลักษณะนิสัย มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ ทักษะการใช้นวัตกรรมการเรียนรู้ในชั้นเรียน และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ทักษะการบริหารจัดการชั้นเรียน

คุณภาพผู้เรียนก่อนและหลังการใช้ทักษะ 3C ตามกระแสสมัยศตวรรษที่ 21 ในการบริหารจัดการชั้นเรียน พบว่า 1) ร้อยละของนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับดี (3) ขึ้นไปของนักเรียนชั้นประถมศึกษา โรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า) จำแนกตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2561 สูงกว่าปีการศึกษา 2560 คิดเป็นร้อยละ 4.14 จำนวน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ โดยกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่มีผลสัมฤทธิ์สูงสุด คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา รองลงมา คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี และกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ส่วนกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำที่สุด คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ 2) ร้อยละของนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับดี (3) ขึ้นไป ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา โรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า) จำแนกตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2561 สูงกว่าปีการศึกษา 2560 คิดเป็นร้อยละ 10.69 จำนวน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ โดยกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่มีผลสัมฤทธิ์สูงสุด คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา รองลงมา คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี และกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ส่วนกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำที่สุด คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ 3) ผลการทดสอบการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2561 สูงกว่าปีการศึกษา 2560 มีค่าพัฒนาร้อยละ 1.86 โดยกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่มีค่าร้อยละสูงสุด คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย รองลงมา คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ และกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่มีค่าร้อยละต่ำสุด คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ 4) ผลการทดสอบการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า) ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ปีการศึกษา 2561 สูงกว่าปีการศึกษา 2560 มีค่าพัฒนาร้อยละ 3.06 โดยกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่มีค่าร้อยละสูงสุด คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย รองลงมา คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ และกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่มีค่าร้อยละต่ำสุด คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์

โพสต์โดย TR : [29 ก.ค. 2562 เวลา 18:02 น.]
อ่าน [3389] ไอพี : 184.22.44.54
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 12,877 ครั้ง
คลิปการทำให้เสื้อที่ซักเรียบเหมือนรีด ด้วยน้ำแข็งเพียง 3ก้อน
คลิปการทำให้เสื้อที่ซักเรียบเหมือนรีด ด้วยน้ำแข็งเพียง 3ก้อน

เปิดอ่าน 16,020 ครั้ง
ประโยชน์ของโยเกิร์ต
ประโยชน์ของโยเกิร์ต

เปิดอ่าน 19,726 ครั้ง
อริยสัจ 4
อริยสัจ 4

เปิดอ่าน 7,754 ครั้ง
รมต.สาธารณสุข แนะเลี้ยงลูกเทพให้พอดี ถ้าคิดว่าตอบโต้ได้ควรปรึกษาแพทย์
รมต.สาธารณสุข แนะเลี้ยงลูกเทพให้พอดี ถ้าคิดว่าตอบโต้ได้ควรปรึกษาแพทย์

เปิดอ่าน 16,949 ครั้ง
ประโยชน์ของทุเรียน
ประโยชน์ของทุเรียน

เปิดอ่าน 2,945 ครั้ง
ภาพแบบ Bitmap
ภาพแบบ Bitmap

เปิดอ่าน 32,280 ครั้ง
ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้

เปิดอ่าน 40,757 ครั้ง
พืชที่ใช้แต่งสีอาหาร หรือให้สีย้อม
พืชที่ใช้แต่งสีอาหาร หรือให้สีย้อม

เปิดอ่าน 10,355 ครั้ง
ถ้อยคำกินใจ..จากแม่ผู้เป็นแม่ค้า ส่งเสียลูกเรียนมหาวิทยาลัย
ถ้อยคำกินใจ..จากแม่ผู้เป็นแม่ค้า ส่งเสียลูกเรียนมหาวิทยาลัย

เปิดอ่าน 14,551 ครั้ง
10 วิธีดูแลมือ เท้า และเล็บ
10 วิธีดูแลมือ เท้า และเล็บ

เปิดอ่าน 95,745 ครั้ง
หลักเกณฑ์การอยู่เวรรักษาการณ์
หลักเกณฑ์การอยู่เวรรักษาการณ์

เปิดอ่าน 96,069 ครั้ง
ทฤษฎีพัฒนาการเชาน์ปัญญาของเพียเจต์
ทฤษฎีพัฒนาการเชาน์ปัญญาของเพียเจต์

เปิดอ่าน 13,168 ครั้ง
ยืดอายุหนูได้เท่าอายุคน125ปี อาจจะนำวิธีการมา ใช้กับมนุษย์
ยืดอายุหนูได้เท่าอายุคน125ปี อาจจะนำวิธีการมา ใช้กับมนุษย์

เปิดอ่าน 6,965 ครั้ง
แนวทางการแก้ปัญหาผลกระทบภาวะถดถอยทางการเรียน ด้านการอ่านการเขียนภาษาไทย
แนวทางการแก้ปัญหาผลกระทบภาวะถดถอยทางการเรียน ด้านการอ่านการเขียนภาษาไทย

เปิดอ่าน 1,241 ครั้ง
ความหวาน มีประโยชน์หรือโทษขึ้นอยู่กับปริมาณ
ความหวาน มีประโยชน์หรือโทษขึ้นอยู่กับปริมาณ

เปิดอ่าน 3,300 ครั้ง
6 จุดที่เป็นแหล่งกำเนิดพลังลับในบ้าน ที่ต้องเร่งกำจัดก่อนจะบั่นทอนชีวิตทุกวัน
6 จุดที่เป็นแหล่งกำเนิดพลังลับในบ้าน ที่ต้องเร่งกำจัดก่อนจะบั่นทอนชีวิตทุกวัน
เปิดอ่าน 45,596 ครั้ง
ประกาศ สพฐ.หลักเกณฑ์ อัตรา และวิธีการนำเงินรายได้สถานศึกษาไปจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในสถานศึกษา
ประกาศ สพฐ.หลักเกณฑ์ อัตรา และวิธีการนำเงินรายได้สถานศึกษาไปจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในสถานศึกษา
เปิดอ่าน 9,595 ครั้ง
แนะพ่อแม่ติดโปรแกรมไอซีทีเฮาส์คีปเปอร์
แนะพ่อแม่ติดโปรแกรมไอซีทีเฮาส์คีปเปอร์
เปิดอ่าน 16,231 ครั้ง
วันออกพรรษา
วันออกพรรษา
เปิดอ่าน 18,143 ครั้ง
โจทย์เลขสิงคโปร์ป่วนเน็ต หาคำตอบกันทั้งโลก
โจทย์เลขสิงคโปร์ป่วนเน็ต หาคำตอบกันทั้งโลก

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ