บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบซิปปาโมเดลร่วมกับเทคนิคการตั้งคำถาม 5W1H โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์และการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบซิปปาโมเดลร่วมกับเทคนิคการตั้งคำถาม 5W1H โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์และการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบซิปปาโมเดลร่วมกับเทคนิคการตั้งคำถาม 5W1H โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์และการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่จัดกิจกรรม การเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบซิปปาโมเดลร่วมกับเทคนิคการตั้งคำถาม 5W1H โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์และการเขียน 4) ประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมรูปแบบการเรียนการสอนแบบซิปปาโมเดลร่วมกับเทคนิคการตั้งคำถาม 5W1H โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์และการเขียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการวิจัย 2561 โรงเรียนเทศบาลห้วยยอดวิทยา สำนักการศึกษาเทศบาลตำบลห้วยยอด กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น มีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 29 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถามความต้องการของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2) แบบสอบถามความคิดเห็นของครูผู้สอนภาษาไทยและกลุ่มสาระอื่นๆ เกี่ยวกับการใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์และการเขียน 3) แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์และการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 9 เล่ม 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพื่อประเมินความสามารถในการแก้ปัญหาทางภาษาไทยก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์และการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ 40 คะแนน 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการเรียนการสอนแบบซิปปาโมเดลร่วมกับเทคนิคการตั้งคำถาม 5W1H โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์และการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 10 ข้อ และสถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่า t-test
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการวิเคราะห์เชิงปริมาณและเชิงคุณภาพในระหว่างการทดลองใช้แบบซิปปาโมเดลร่วมกับเทคนิคการตั้งคำถาม 5W1H โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์และการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
1.1 ความต้องการของนักเรียนในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบซิปปาโมเดลร่วมกับเทคนิคการตั้งคำถาม 5W1H โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์และการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.54 ส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐานเท่ากับ 0.60 แสดงว่านักเรียนมีความต้องการอยู่ในระดับมากที่สุด
1.2 ผลการวิเคราะห์เชิงคุณภาพกับความคิดเห็นของครูผู้สอนภาษาไทย และกลุ่มสาระอื่นๆ พบว่า รู้และเข้าใจหลักสูตร การออกแบบการเรียนรู้และจัดโอกาสให้แก่ผู้เรียนมีความเหมาะสมตรงกับเวลาและทักษะความสามารถได้เต็มประสิทธิภาพ นักเรียนสามารถวางแผนได้เหมาะสมกับภารกิจชิ้นงาน นักเรียนปฏิบัติงานด้วยความกระตือรือร้น นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจหลักสูตรและเนื้อหาที่เรียนได้ตรงตามเป้าหมายของครูผู้สอนผู้พัฒนาออกแบบการเรียนรู้ได้ตรงตามกระบวนการที่นำมาใช้ ผู้พัฒนาจัดทำแผนการเรียนรู้ได้ถูกต้องตามกระบวนการเรียนรู้เข้าใจง่ายและตรงตามจุดประสงค์กับชื่อเรื่อง
2. การเรียนการสอนแบบซิปปาโมเดลร่วมกับเทคนิคการตั้งคำถาม 5W1H โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์และการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.29/83.39 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์และการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์และการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (× ̅= 4.53, S.D. = 0.63)