ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง สระลดรูปและสระเปลี่ยนรูปตามแนวคิดทฤษฎีพหุปัญญา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ชื่อผู้ศึกษา นางประไพ อนุรักษ์ ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนเทศบาลวัดคงคาสวัสดิ์ สังกัดเทศบาลเมืองปากพนัง
จังหวัดนครศรีธรรมราช
ปีที่พิมพ์ 2562
บทคัดย่อ
การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง สระลดรูปและสระเปลี่ยนรูปตามแนวคิดทฤษฎีพหุปัญญา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลวัดคงคาสวัสดิ์ สังกัดเทศบาลเมืองปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง สระลดรูปและสระเปลี่ยนรูปตามแนวคิดทฤษฎีพหุปัญญา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง สระลดรูปและสระเปลี่ยนรูปตามแนวคิดทฤษฎีพหุปัญญา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (3) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง สระลดรูปและสระเปลี่ยนรูปตามแนวคิดทฤษฎีพหุปัญญา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง สระลดรูปและสระเปลี่ยนรูปตามแนวคิดทฤษฎีพหุปัญญา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 32 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) โดยกำหนดหน่วยเป็นห้องเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ (1) แบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง สระลดรูปและสระเปลี่ยนรูป มีจำนวน 6 เล่ม ประกอบด้วย เล่มที่ 1 เรื่อง สระโอะ
เล่มที่ 2 เรื่อง สระอัว เล่มที่ 3 เรื่อง สระอะ เล่มที่ 4 เรื่อง สระเอะ เล่มที่ 5 เรื่อง สระแอะ เล่มที่ 6 เรื่อง สระเออ ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา 5 คน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.54 มีความเหมาะสมมากที่สุด และนำไปทดลองใช้กับกลุ่มทดลองรายบุคคล (Individual Tryout) แบบหนึ่งต่อหนึ่ง จำนวน 3 คน ได้ค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 67.46/66.67 ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องให้สมบูรณ์นำไปทดลองใช้กับกลุ่มทดลองกลุ่มเล็ก (Small Group Tryout) จำนวน 9 คน ได้ค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 77.22/77.04 ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องให้สมบูรณ์ นำไปทดลองใช้กับกลุ่มทดลองภาคสนาม (Individual Try Out ) จำนวน 30 คนได้ค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 83.17/83.11 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้ (2) แผนการจัดการเรียนรู้การอ่านและเขียนเรื่องสระลดรูปและสระเปลี่ยนรูปตามแนวคิดทฤษฎีพหุปัญญา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีจำนวน 18 แผน ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา ด้านกระบวนการ 5 คน ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.80 มีความเหมาะสมมากที่สุด และนำไปทดลองใช้กับกลุ่มทดลองภาคสนาม (Individual Try Out ) จำนวน 30 คน ปรับปรุงจนมีประสิทธิภาพตามที่กำหนดไว้ (3) แบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์การเรียนจำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่าย (p) ระหว่าง 0.45-0.80 ค่าอำนาจจำแนก (r) ระหว่าง 0.20-0.80 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ KR20 = 0.983 (4) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง สระลดรูปและสระเปลี่ยนรูป ตามแนวคิดทฤษฎีพหุปัญญา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เมื่อนำผลมาวิเคราะห์เพื่อหาคุณภาพเครื่องมือ พบว่า แบบวัดความพึงพอใจมีค่าความเชื่อมั่น โดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์แอลฟ่า ของครอนบัค เท่ากับ 0.990 สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้เปรียบเทียบ ได้แก่ t - test แบบ Independent
ผลการวิจัย พบว่า
1. แบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง สระลดรูปและสระเปลี่ยนรูปตามแนวคิดทฤษฎีพหุปัญญา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการพัฒนามีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 87.95/87.60
2. นักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง สระลดรูปและสระเปลี่ยนรูปตามแนวคิดทฤษฎีพหุปัญญา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. นักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง สระลดรูปและสระเปลี่ยนรูปตามแนวคิดทฤษฎีพหุปัญญา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7446 หมายความว่า นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น เท่ากับ 0.7446 หรือคิดเป็นร้อยละ 74.46
4. นักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง สระลดรูปและสระเปลี่ยนรูปตามแนวคิดทฤษฎีพหุปัญญา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.61)