ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

ชื่อเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์

ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

ผู้วิจัย นางสาวพิศมัย ศิริสุทธา ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ

โรงเรียนเทศบาล 2 มุขมนตรี สำนักการศึกษา เทศบาลนครอุดรธานี

ปีที่พิมพ์ 2562

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎี คอนสตรัคติวิสต์ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2) พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 2 มุขมนตรี ให้นักเรียนร้อยละ 70 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไป และ 3) ศึกษาความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เรื่อง เศษส่วน

กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนเทศบาล 2 มุขมนตรี สำนักการศึกษา เทศบาลนครอุดรธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 26 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) รูปแบบการวิจัยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 3 ประเภท ได้แก่ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองปฏิบัติ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 15 แผน 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติ ได้แก่ แบบสังเกตพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน แบบบันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ ผลงานนักเรียน ได้แก่ ใบกิจกรรม แบบฝึกทักษะ และแบบทดสอบย่อยท้ายวงจรและ 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ และแบบทดสอบ วัดความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ และสรุปความเรียง

ผลการวิจัยพบว่า

1. การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิตส์ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน เป็นขั้นการทบทวนความรู้และประสบการณ์เดิมเพื่อนำมาเชื่อมโยงหรือประยุกต์ในการสร้างความรู้ใหม่ ด้วยการใช้สื่อที่หลากหลาย 2) ขั้นสอน เป็นขั้นการพัฒนามโนคติจากสถานการณ์ปัญหา ที่สร้างขึ้น ซึ่งประกอบไปด้วยขั้นตอนย่อย 3 ขั้นตอน คือ 2.1) ขั้นเผชิญสถานการณ์ปัญหาและแก้ปัญหาเป็นรายบุคคล เป็นขั้นศึกษาสถานการณ์ปัญหาและหาแนวทางแก้ปัญหาด้วยตนเองเป็นรายบุคคล นักเรียนสามารถทำความเข้าใจปัญหาบอกได้ว่าโจทย์กล่าวถึงอะไร กำหนดอะไรและถามหาอะไรได้ 2.2) ขั้นไตร่ตรองระดับกลุ่มย่อย เป็นขั้นที่นักเรียนได้เข้ากลุ่ม โดยแต่ละคนนำเสนอวิธีการแก้ปัญหาของตนเองให้สมาชิกในกลุ่มทราบ นักเรียนส่วนมากกล้าอภิปรายแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความคิดเห็น นำเสนอแนวคิดของตนเองและร่วมกันสรุปเป็นความคิดของกลุ่มได้ นักเรียนได้ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่นและการทำงานเป็นทีม 2.3) ขั้นไตร่ตรองระดับกลุ่มใหญ่ เป็นขั้นที่แต่ละกลุ่ม ส่งตัวแทนนำเสนอแนวทางแก้สถานการณ์ปัญหาของกลุ่มต่อระดับกลุ่มใหญ่เพื่อหาแนวทางแก้สถานการณ์ปัญหาที่ถูกต้องและดีที่สุด นักเรียนนำเสนอผลงานของกลุ่มได้ดี มีการร่วมอภิปรายหรือให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเมื่อมีข้อบกพร่อง และเป็นการตรวจสอบผลงานถึงความสมเหตุสมผลของคำตอบและนำวิธีการแก้ปัญหาไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาสถานการณ์อื่นๆได้ โดยทั้ง 3 ขั้นตอนย่อยนี้เป็นสถานการณ์ปัญหาเดียวกัน โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา 4 ขั้นตอน คือ ขั้นทำความเข้าใจปัญหา ขั้นวางแผนแก้ปัญหา ขั้นดำเนินการตามแผน และขั้นตรวจสอบผล เป็นแนวทางในการดำเนินการแก้สถานการณ์ปัญหาในทุกขั้นตอนย่อย 3) ขั้นสรุป เป็นขั้นที่นักเรียนร่วมกันสรุปแนวคิด หลักการ และแนวทางการแก้ปัญหาในเรื่องที่เรียน ครูช่วยสรุปเพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียนได้ความคิดรวบยอดและหลักการที่ถูกต้อง และ 4) ขั้นฝึกทักษะ เป็นขั้นที่นักเรียนทำแบบฝึกทักษะ ที่ครูเตรียมไว้ ซึ่งเป็นสถานการณ์ปัญหาที่มีความหลากหลาย ผลการพัฒนาพบว่า นักเรียนร้อยละ 70 ทำแบบฝึกทักษะได้ถูกต้องและได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ของคะแนนทั้งหมด

2. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ได้คะแนนเฉลี่ย16.58 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 82.88 และนักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 จำนวน 23 คน คิดเป็นร้อยละ 88.46 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด

3. นักเรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 87.31 โดยแบ่งตามขั้นตอนของกระบวนการแก้ปัญหาได้ดังนี้ ขั้นทำความเข้าใจปัญหา ขั้นวางแผนแก้ปัญหา ขั้นดำเนินการตามแผน และขั้นตรวจสอบผล นักเรียนได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 92.31, 90.77, 82.69 และ 83.46 ตามลำดับ

โพสต์โดย ไหม : [13 ก.ค. 2562 เวลา 18:52 น.]
อ่าน [4250] ไอพี : 184.22.108.145
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 9,536 ครั้ง
น้ำแร่ ชะลอวัยได้จริงหรือ
น้ำแร่ ชะลอวัยได้จริงหรือ

เปิดอ่าน 34,402 ครั้ง
xDSL คืออะไร?
xDSL คืออะไร?

เปิดอ่าน 771 ครั้ง
การทำ SEO ทำยังไงให้ติดหน้าแรก Google กลยุทธ์ทางการตลาดที่หลายธุรกิจเลือกใช้
การทำ SEO ทำยังไงให้ติดหน้าแรก Google กลยุทธ์ทางการตลาดที่หลายธุรกิจเลือกใช้

เปิดอ่าน 1,931 ครั้ง
กรมอนามัย เผยวัยทำงานสุขภาพแย่ แนะกินถูกหลัก ออกกำลังกาย ลดเครียด
กรมอนามัย เผยวัยทำงานสุขภาพแย่ แนะกินถูกหลัก ออกกำลังกาย ลดเครียด

เปิดอ่าน 17,220 ครั้ง
นั่งหน้าคอมฯ นาน ๆ อาจตายได้!
นั่งหน้าคอมฯ นาน ๆ อาจตายได้!

เปิดอ่าน 14,574 ครั้ง
เมื่อฝรั่งขับรถเจอด่านตำรวจ จะเป็นยังไง ?
เมื่อฝรั่งขับรถเจอด่านตำรวจ จะเป็นยังไง ?

เปิดอ่าน 1,077 ครั้ง
ภาวะหมดไฟในการทำงาน ภัยเงียบที่หลายคนมักมองข้าม
ภาวะหมดไฟในการทำงาน ภัยเงียบที่หลายคนมักมองข้าม

เปิดอ่าน 418,752 ครั้ง
การวิ่งระยะต่าง ๆ (พลศึกษา)
การวิ่งระยะต่าง ๆ (พลศึกษา)

เปิดอ่าน 32,598 ครั้ง
วิธีแก้ปัญหาเสื้อผ้าเหม็นอับ
วิธีแก้ปัญหาเสื้อผ้าเหม็นอับ

เปิดอ่าน 5,159 ครั้ง
ภาษาอีสานน่ารู้
ภาษาอีสานน่ารู้

เปิดอ่าน 3,894 ครั้ง
แนะนำอาหารสำหรับผู้ป่วยลองโควิด (Long COVID)
แนะนำอาหารสำหรับผู้ป่วยลองโควิด (Long COVID)

เปิดอ่าน 18,360 ครั้ง
1 ใน 3 วิตามินรวม ผลิตไม่ได้มาตรฐาน
1 ใน 3 วิตามินรวม ผลิตไม่ได้มาตรฐาน

เปิดอ่าน 15,264 ครั้ง
จัดฮวงจุ้ยอย่างไร จึงจะช่วยส่งเสริมให้การงานเด่น กิจการมั่นคงเจริญรุ่งเรือง
จัดฮวงจุ้ยอย่างไร จึงจะช่วยส่งเสริมให้การงานเด่น กิจการมั่นคงเจริญรุ่งเรือง

เปิดอ่าน 12,918 ครั้ง
เปลี่ยนผิวหน้าพังให้กลับมาสวยปังกับ 4 การรักษาฝ้าอย่างถูกวิธี
เปลี่ยนผิวหน้าพังให้กลับมาสวยปังกับ 4 การรักษาฝ้าอย่างถูกวิธี

เปิดอ่าน 19,787 ครั้ง
"พลูด่าง" ไม้มงคลเสริมโชคลาภ
"พลูด่าง" ไม้มงคลเสริมโชคลาภ

เปิดอ่าน 146,206 ครั้ง
ตุ๊กตา "เฟอร์บี้" คืออะไร ทำไมมีราคาแพงและเป็นที่นิยมนัก
ตุ๊กตา "เฟอร์บี้" คืออะไร ทำไมมีราคาแพงและเป็นที่นิยมนัก
เปิดอ่าน 128,087 ครั้ง
รวมคลิปสุดแสบ ในการ "ปลุก" ภาวนาอย่ามีเพื่อนแบบนี้เลย
รวมคลิปสุดแสบ ในการ "ปลุก" ภาวนาอย่ามีเพื่อนแบบนี้เลย
เปิดอ่าน 9,403 ครั้ง
จิตตานุปัสสนาที่ควรรู้
จิตตานุปัสสนาที่ควรรู้
เปิดอ่าน 15,086 ครั้ง
อ้างพบธาตุหนักที่สุดมีเลขอะตอม 122
อ้างพบธาตุหนักที่สุดมีเลขอะตอม 122
เปิดอ่าน 303,519 ครั้ง
ภาษาอังกฤษ เริ่มได้ที่บ้าน กับ 30 ประโยคคุยกับลูกเป็นภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
ภาษาอังกฤษ เริ่มได้ที่บ้าน กับ 30 ประโยคคุยกับลูกเป็นภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ