บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษา คือ 1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 31 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน คู่มือการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน แบบวัดและแบบประเมินความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและ การแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ ค่าสถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D. และค่าทีแบบไม่อิสระ (t - test dependent) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการศึกษา พบว่า
1.ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาโดยใช้ปัญหาเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า) เทศบาลนครยะลา เท่ากับ 81.24/80.76 สูงกว่าเกณฑ์ ที่กำหนด คือ 80/80 ซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐานการวิจัยข้อที่ 1
2.การเปรียบเทียบผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษาโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อพัฒนาความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณและความสามารถในการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า) เทศบาลนครยะลา พบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน มีความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณและความสามารถในการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์สูงกว่าก่อนใช้รูปแบบจัดการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาโดยใช้ปัญหาเป็นฐานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งยอมรับสมมติฐานการวิจัยข้อ 2
2.1 ผลจากการวิเคราะห์ความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา เชิงสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 6 หลังเรียนด้วยรูปแบบจัดการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน พบว่า โดยภาพรวมมีความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณหลังเรียนด้วยรูปแบบจัดการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โดยใช้ปัญหาเป็นฐานอยู่ในระดับมาก ซึ่งยอมรับสมมติฐานการวิจัยข้อ 2
2.2 ผลการวิเคราะห์ความสามารถด้านการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนด้วยรูปแบบจัดการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน พบว่า โดยภาพรวมมีความสามารถด้านการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์หลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐานอยู่ในระดับมาก ซึ่งยอมรับสมมติฐานการวิจัยข้อ 2
3.ความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบจัดการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาโดยใช้ปัญหาเป็นฐานเพื่อพัฒนาความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณและความสามารถในการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า) เทศบาลนครยะลา พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ซึ่งยอมรับสมมติฐานการวิจัยข้อ 3