ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
ชื่องานวิจัย การศึกษาผลสัมฤทธิ์การอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔/๑

๑. หลักการและเหตุผล

การอ่านเป็นทักษะพื้นฐานของภาษาที่สำคัญของนักเรียนทุกระดับชั้น เพราะการอ่านถือว่าเป็นการวางรากฐานเพื่อการเรียนภาษาไทยและวิชาอื่นๆ การอ่านเป็นกระบวนการซึ่งผู้อ่านสร้างความหมายหรือพัฒนาตีความระหว่างอ่าน ผู้อ่านจะต้องรู้หัวข้อเรื่อง รู้จุดประสงค์ของการอ่าน มีความรู้ทางภาษา โดยใช้ประสบการณ์ทำความเข้าใจเรื่องที่อ่านและใช้บริบทหรือคำแวดล้อมช่วยในการตีความหมายของคำ เพื่อทำความเข้าใจเรื่องที่อ่าน

จากการจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ในโรงเรียนอนุบาลพัทลุง ผู้วิจัยพบว่า ผลการสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับโรงเรียน ปีการศึกษา ๒๕๖๐ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ สาระการอ่านเพื่อตีความหรือจับใจความ ยังมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ จากการตรวจสอบพบว่านักเรียนไม่เข้าใจความหมายของคำ ไม่สามารถจับใจความสำคัญของเรื่องที่อ่านได้ ไม่สามารถตีความและขยายความได้

จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะแก้ปัญหาการอ่านจับใจความของนักเรียนด้วยวิธีการสอนแบบ OK5R ซึ่งเป็นการสอนที่ Walter Pauk กล่าวว่า เป็นการสอนที่ช่วยให้นักเรียนเข้าใจแนวคิดของเรื่องที่อ่านได้รวดเร็ว จดจำดี และสามารถทบทวนเรื่องที่อ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ

๒. วัตถุประสงค์

๒.๑ เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านจับใจความวรรณคดีของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนอนุบาลพัทลุง จังหวัดพัทลุง โดยใช้วิธีการสอนแบบ OK5R

๓. เป้าหมาย

๓.๑ เป้าหมายเชิงปริมาณ

นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จำนวน ๙๐ คน ได้รับการพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ

๓.๒ เป้าหมายเชิงคุณภาพ

- นักเรียนร้อยละ ๘๐ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ ผ่านเกณฑ์ การประเมิน

๔. ขอบเขตของการวิจัย

ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง

ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔/๑ ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ ของโรงเรียนอนุบาลพัทลุง อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง จำนวน ๔๕ คน โดยการวิจัยในครั้งนี้ได้ดำเนินการศึกษากับกลุ่มประชากร

ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย

๑.ตัวแปรต้น ได้แก่วิธีการสอนแบบ OK5R

๒.ตัวแปรตาม ได้แก่

๒.๑ ความเข้าใจในการอ่านภาษาไทย แบ่งได้ ๓ ระดับ ได้แก่

๒.๑.๑ ระดับความเข้าใจตามตัวอักษร

๒.๑.๒ ระดับตีความ

๒.๑.๓ ระดับขยายความ

๒.๒ ความก้าวหน้าความเข้าใจในการอ่านภาษาไทยของผู้เรียนตาละคนต่อวิธีการสอนแบบ OK5R

๕. ขั้นตอนในการสอนแบบ OK5R

วิธีการสอนแบบ OK5R หมายถึงการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนการอ่านเพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจแนวคิดของเรื่องที่อ่านได้รวดเร็วขึ้น จดจำได้ดีขึ้นและสามารถทบทวนเรื่องที่อ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพตามแนวคิดของ Walter Pauk ซึ่งประกอบด้วย ๗ ขั้นตอน คือ

๑. อ่านอย่างคร่าวๆ(Overview) หมายถึงให้นักเรียนอ่านบทเรียนทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อดูภาพรวมของบทอ่านนั้นๆว่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องใด เพื่อให้ผู้อ่านมีความกระตือรือร้นที่จะศึกษาผู้อ่านนั้น ให้เข้าใจยิ่งขึ้น

๒. หาแนวความคิดหลัก(Key Idea) หมายถึงให้นักเรียนทำความเข้าใจเกี่ยวกับใจความสำคัญของเรื่อง (Main Idea) ส่วนขยายใจความสำคัญ (Suppqrting Material)และคำที่เป็นส่วนสัมพันธ์ความ(Transition)

๓. อ่านแต่ละอนุเฉท (Read) หมายถึงให้นักเรียนทำความเข้าใจแต่ละอนุเฉทจนจบบทอ่าน เพื่อหาใจความสำคัญ ส่วนขยายใจความสำคัญและคำที่เป็นส่วนสัมพันธ์ความให้ต่อเนื่องกัน

๔. จดบันทึกใจความสำคัญของอนุเฉท(Record) หมายถึงให้นักเรียนขีดเส้นใต้คำหรือวลีที่สำคัญและส่วนขยายใจความสำคัญในแต่ละอนุเฉทของบทอ่านแล้วบันทึกสรุปใจความสำคัญหรือแนวคิดหลัก

๕. พูดเพื่อระลึกถึงสิ่งที่อ่าน(Recite) หมายถึงให้นักเรียนเล่าถึงสิ่งที่นักเรียนได้บันทึกสรุปใจความสำคัญ

๖. ทบทวน(Review) หมายถึงให้นักเรียนทบทวนทันที โดยดูจากที่จดบันทึกไว้เพื่อให้เข้าใจเรื่องทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง

๗. สะท้อนความคิด(Reflect) หมายถึงให้นักเรียนเปรียบเทียบประเด็นที่นักเรียนมีความเห็นสอดคล้องหรือเห็นไม่สอดคล้อง โดยขยายความที่นักเรียนอ่านให้กว้างขึ้นด้วยการเชื่อมโยงความคิดจากบทอ่านเข้ากับความรู้ความเข้าใจเดิมของนักเรียน

๖. ประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย

๑. เพื่อพัฒนาความเข้าใจในการอ่านภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔/๑

๒. เพื่อเป็นแนวทางสำหรับครูภาษาไทยในการแก้ปัญหาการอ่านให้แก่นักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่ ๔ และชั้นอื่นๆต่อไป

๓. เพื่อเป็นแนวทางสำหรับครูที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นต่อไป

เปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ ก่อนเรียน-หลังเรียน

การอ่านจับใจความสำคัญนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที 4/๑ โรงเรียนอนุบาลพัทลุง

โดยใช้วิธีการสอนแบบ OK5R

เลขที่ ชื่อ-สกุล คะแนนก่อนสอบ (40) คะแนนหลังสอบ(40) ผลต่าง

1 เด็กชายญาณพัฒน์ บุญโยม 20 26 +6

2 เด็กชายวรพันธ์ นวลศรีทอง 22 27 +5

3 เด็กชายสรวิชญ์ จันทร์ชู 17 22 +5

4 เด็กชายคุณากร เกลี้ยงเกื้อ 15 26 +11

5 เด็กชายไตรภพ หนูทอง 27 29 +2

6 เด็กชายชนาธิป คชศักดิ์ 11 15 +4

7 เด็กชายณัฎฐ์ณภัทร คันททาโร 16 20 +4

8 เด็กชายธนกร รอดเนียม 14 14 0

9 เด็กชายพลพิพัฒ จันทรเทพ 24 25 +1

10 เด็กชายสรวิชญ์ เอียดคง 11 13 +2

11 เด็กชายชยพล ทิพย์สง 16 28 +2

12 เด็กชายชยุต สว่างรัตน์ 14 20 +6

13 เด็กชายวิชญนัตถ์ สุขแก้ว 10 12 +2

14 เด็กชายรณกร สุวรรณคีรี 14 18 +4

15 เด็กชายณัฐชพน จุลพูล 24 27 +3

16 เด็กชายศุภวิชญ์ บุญจันทร์ 18 25 +7

17 เด็กชายศิวกร ชูสุดรักษ์ 22 29 +7

18 เด็กชายภูมิภัทร สังข์จีน 26 28 +2

19 เด็กชายปุญพสุ เขมะวนิช 27 29 +2

20 เด็กชายนนทพันธ์ นนตรี 13 17 +4

21 เด็กชายดนตรี กลับแป้น 17 19 +2

22 เด็กหญิงปาทิตตา แก้วสองเมือง 18 22 +4

23 เด็กหญิงจารุนันท์ หนูจินดา 16 28 +12

24 เด็กหญิงณีรนุช ทองด้วง 19 26 +7

25 เด็กหญิงธมลวรรณ พงษ์สุด 11 25 +13

26 เด็กหญิงนิชุนาท สงรอด 19 22 +3

27 เด็กหญิงเพชรกมล ชิงแก้ว 16 25 +9

28 เด็กหญิงกชกร เมืองพูล 12 25 +13

29 เด็กหญิงธันยกร ยินดี 26 31 +5

30 เด็กหญิงอัฐภิญญา เอียดน้อย 11 12 +1

31 เด็กหญิงทิชากร คำนวนศิลป์ 18 18 0

32 เด็กหญิงยศวดี หอยสกุล 18 24 +6

33 เด็กหญิงเอมปวีร์ วัฒนพานิชดำรงค์ 19 26 +7

34 เด็กหญิงมนัสนันท์ รุ่งเรือง 18 26 +8

35 เด็กหญิงจิรธิดา เหลือนุ่นขาบ 21 23 +2

36 เด็กหญิงญาณิศา สินธุ์สกุล 27 32 +5

เลขที่ ชื่อ-สกุล คะแนนก่อนสอบ (40) คะแนนหลังสอบ(40) ผลต่าง

37 เด็กหญิงกัญญาวีร์ หวานช่วย 28 31 +3

38 เด็กหญิงณัฐธยาน์ จันทร์นวล 21 24 +3

39 เด็กหญิงปาณิสรา จันทร์แดง 22 25 +3

40 เด็กหญิงธันยวรภร ปรางค์น้อย 13 16 +3

41 เด็กหญิงกาญจน์ชนิตา คงเอียด 18 19 +1

42 เด็กหญิงจิราพัชร ทองขาว 18 19 +1

43 เด็กหญิงชยมน สมสุข 15 21 +6

44 เด็กหญิงรินลณี เหรียญไกร 30 30 0

45 เด็กหญิงกรกมล ปรงแก้ว 20 21 +1

รวม 832 1,040 208

เฉลี่ยร้อยละ 46.22 57.77 11.55

ร้อยละ 46.22 57.77 11.55

สรุป คะแนนผลสัมฤทธิ์หลังสอนเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 11.55

ลงชื่อ............................................ผู้สอน

(นางวิชชุมาศ ปุรินทราภิบาล )

โพสต์โดย วิชชุ : [3 ก.ค. 2562 เวลา 09:03 น.]
อ่าน [4465] ไอพี : 101.109.113.72
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 61,585 ครั้ง
คณิตศาสตร์ง่ายๆแต่แปลกดีแท้
คณิตศาสตร์ง่ายๆแต่แปลกดีแท้

เปิดอ่าน 12,890 ครั้ง
6 ประการ สู่การเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานดีและมีความสุข
6 ประการ สู่การเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานดีและมีความสุข

เปิดอ่าน 10,257 ครั้ง
คลิปน่ารัก เด็กชายวัย4ขวบร้องเพลงแบบอินสุดๆ
คลิปน่ารัก เด็กชายวัย4ขวบร้องเพลงแบบอินสุดๆ

เปิดอ่าน 21,687 ครั้ง
"ผักกูด" ผักที่อุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีนและธาตุเหล็ก
"ผักกูด" ผักที่อุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีนและธาตุเหล็ก

เปิดอ่าน 21,778 ครั้ง
แนวทางในการพัฒนาระบบ
แนวทางในการพัฒนาระบบ

เปิดอ่าน 9,954 ครั้ง
ราชภัฏมหาวิทยาลัยในศตวรรษที่ 21
ราชภัฏมหาวิทยาลัยในศตวรรษที่ 21

เปิดอ่าน 39,314 ครั้ง
เทคนิคการอ่านหนังสือขั้นเทพ
เทคนิคการอ่านหนังสือขั้นเทพ

เปิดอ่าน 13,586 ครั้ง
อาหารกับการออกกำลัง
อาหารกับการออกกำลัง

เปิดอ่าน 3,619 ครั้ง
4 ประโยชน์ของอะโวคาโด กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์มากที่สุด
4 ประโยชน์ของอะโวคาโด กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์มากที่สุด

เปิดอ่าน 25,009 ครั้ง
นักฟิสิกส์ไทยสร้างผลงานแห่งประวัติศาสตร์ ค้นพบสูตรคำนวณฟิสิกส์ ที่ได้รับการยอมรับระดับโลก
นักฟิสิกส์ไทยสร้างผลงานแห่งประวัติศาสตร์ ค้นพบสูตรคำนวณฟิสิกส์ ที่ได้รับการยอมรับระดับโลก

เปิดอ่าน 8,116 ครั้ง
พ่อแม่สามารถส่งความรู้สึกให้ลูกก่อนเกิดได้
พ่อแม่สามารถส่งความรู้สึกให้ลูกก่อนเกิดได้

เปิดอ่าน 1,070 ครั้ง
มาตรฐาน Image Metadata
มาตรฐาน Image Metadata

เปิดอ่าน 3,536 ครั้ง
น้ำมันปลาและน้ำมันตับปลาต่างกันอย่างไร
น้ำมันปลาและน้ำมันตับปลาต่างกันอย่างไร

เปิดอ่าน 24,733 ครั้ง
อยากเลี้ยงลูกให้ฉลาด ต้องไม่มีคำว่า....โดย ดร.สุพาพร เทพยวรรณ
อยากเลี้ยงลูกให้ฉลาด ต้องไม่มีคำว่า....โดย ดร.สุพาพร เทพยวรรณ

เปิดอ่าน 1,137 ครั้ง
เครื่องหมาย ฯลฯ (ไปยาลใหญ่ หรือ เปยยาลใหญ่)
เครื่องหมาย ฯลฯ (ไปยาลใหญ่ หรือ เปยยาลใหญ่)

เปิดอ่าน 6,752 ครั้ง
กองทุนการศึกษา โครงการพระราชดำริสุดท้าย ด้วยความห่วงใยอนาคตชาติ
กองทุนการศึกษา โครงการพระราชดำริสุดท้าย ด้วยความห่วงใยอนาคตชาติ
เปิดอ่าน 14,320 ครั้ง
แนวปฏิบัติในการโอนบุคลากรด้านการศึกษาในสถานศึกษาไป อปท.
แนวปฏิบัติในการโอนบุคลากรด้านการศึกษาในสถานศึกษาไป อปท.
เปิดอ่าน 41,143 ครั้ง
ศึก เอล กลาซิโก้ คืออะไร
ศึก เอล กลาซิโก้ คืออะไร
เปิดอ่าน 10,975 ครั้ง
ชมคลิปที่ แอ๊ด คาราบาว จัดเอ็มวี "นาวารัฐบุรุษ" ให้บิ๊กตู่
ชมคลิปที่ แอ๊ด คาราบาว จัดเอ็มวี "นาวารัฐบุรุษ" ให้บิ๊กตู่
เปิดอ่าน 6,423 ครั้ง
เคยได้ยินหรือยัง!“หลักสูตรฐานสมรรถนะ”กุญแจยกระดับการศึกษาที่คนไทยต้องรู้จัก ให้ผู้เรียนเท่าทันความเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21
เคยได้ยินหรือยัง!“หลักสูตรฐานสมรรถนะ”กุญแจยกระดับการศึกษาที่คนไทยต้องรู้จัก ให้ผู้เรียนเท่าทันความเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ