ชื่อเรื่อง : การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ด้วยการ
จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้
ผู้วิจัย : นภาภร อักษรเจริญสุข, โรงเรียนกุดเสลาวิทยาคม อำเภอกันทราลักษณ์ จังหวัด
ศรีสะเกษ ปีการศึกษา 2561.
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัญหาและแนวทางพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนกุดเสลาวิทยาคม 2) สร้างและหาประสิทธิภาพแผนการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 3) ทดลองใช้แผนการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ และ 4) ประเมินผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยมีขั้นตอนในการดำเนินการวิจัย ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพปัญหาและแนวทางพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนกุดเสลาวิทยาคม แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการวิจัยคือ ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ จำนวน 6 คน และนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 30 คน ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสัมภาษณ์สภาพปัญหาและแนวทางพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลโดยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและหาประสิทธิภาพแผนการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการวิจัย คือผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน ตรวจสอบความเหมาะสมและนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 30 คน เพื่อศึกษาประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 นวัตกรรมและเครื่องมือที่ใช้การวิจัย คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์เรื่องคลื่นกลชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD 2) แบบประเมินความเหมาะสมแผนการจัดการเรียนรู้ 3) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์เรื่องคลื่นกล และ 4) แบบประเมินความเหมาะสมของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( ) และการหาประสิทธิภาพโดยการใช้สูตร /
ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้แผนการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/3 จำนวน 34 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าร้อยละ (Percentage) และการทดสอบค่าที (t-test แบบ Dependent Sample)
ขั้นตอนที่ 4 การประเมินผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ แหล่งข้อมูลคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/3 จำนวน 34 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามความพึงพอใจนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ( ) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการวิจัย พบว่า
1. ปัญหาการจัดการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ที่ส่งให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนนักเรียนต่ำเกิดจากนักเรียนขาดความสนใจในการเรียนเพราะเป็นวิชาที่มีสาระการเรียนรู้ค่อนข้างยากมีการคิดคำนวณมากโดยเฉพาะหน่วยการเรียนรู้เรื่องคลื่นกลที่มีเนื้อหามากและค่อนข้างยาก รูปแบบการจัดการเรียนรู้ของครูไม่น่าสนใจ ขาดการใช้สื่อการเรียนรู้ที่น่าสนใจ นักเรียนไม่มีการช่วยเหลือกันระหว่างเรียน ส่วนแนวทางในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้คือ ครูผู้สอนควรจัดการเรียนรู้ในแบบกลุ่มเล็กๆ ให้นักเรียนคละความรู้ ความสามารถเพื่อให้เกิดการช่วยเหลือกันระหว่างเรียน นักเรียนเก่งช่วยนักเรียนที่อ่อนกว่า ครูควรจัดทำสื่อการเรียนรู้ที่นักเรียนสามารถเรียนได้ทั้งในห้องและนำกลับไปฝึกทบทวนที่บ้านได้ และครูผู้สอนควรใช้เทคนิคการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD เพราะการสอนด้วยวิธีนี้จะทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
2. แผนการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์เรื่องคลื่นกล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD มีจำนวน 9 แผน 18 ชั่วโมง ใช้รูปแบบการสอนแบบร่วมมือเทคนิคSTAD จำนวน 5 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นการนำเสนอบทเรียนต่อชั้นเรียน 2) ขั้นการเรียนกลุ่มย่อย 3) ขั้นการทดสอบย่อย 4) ขั้นตรวจผลการทดสอบและประเมินความก้าวหน้า และ 5) ขั้นรับรองผลงานและรับรองกลุ่ม ซึ่งมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ส่วนชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วิชาฟิสิกส์ เรื่องคลื่นกล ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีจำนวน 9 ชุด ซึ่งมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก และผลการหาประสิทธิภาพการใช้แผนการจัดการเรียนรู้และชุดกิจกรรมการเรียนรู้พบว่ามีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.74 /81.17 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
3. นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีคะแนนผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า นักเรียนพึงพอใจอยู่ในระดับมากทุกด้าน ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด