บทคัดย่อ
การรายงานครั้งนี้มีความมุ่งหมาย เพื่อพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ท23101 เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรมไทยในวิถีท้องถิ่น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ท23101 เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรมไทยในวิถีท้องถิ่น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ท23101 เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรมไทยในวิถีท้องถิ่น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนจากการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ท23101 เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรมไทยในวิถีท้องถิ่น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ท23101 เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรมไทยในวิถีท้องถิ่น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ประชากรที่ใช้ในการรายงาน คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนตระกาศประชาสามัคคี ภาคเรียน ที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 60 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD 2) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ท23101 เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรมไทยในวิถีท้องถิ่น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3 ) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.80 และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า t-test และดัชนีประสิทธิผล
ผลการรายงานปรากฏ ดังนี้
1. ประสิทธิภาพของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ท23101 เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรมไทยในวิถีท้องถิ่น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนตระกาศประชาสามัคคี เท่ากับ 85.94/ 84.90 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ท23101 เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรมไทยในวิถีท้องถิ่น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 0.6787 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้ เพราะมีคะแนนเพิ่มขึ้นร้อยละ 67.87
3. คะแนนประเมินผลหลังการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ท23101 เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรมไทยในวิถีท้องถิ่น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความแตกต่างกับคะแนนประเมินผลก่อนการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ท23101 เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรมไทยในวิถีท้องถิ่น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นั่นคือ การจัดการเรียนการสอน รายวิชาภาษาไทย ท23101 เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรมไทยในวิถีท้องถิ่น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีการนำ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย มาประกอบการจัดการเรียนรู้ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงขึ้นกว่าก่อนเรียนรายวิชาภาษาไทย ท23101 เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรมไทยในวิถีท้องถิ่น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยรูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ท23101 เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรมไทยในวิถีท้องถิ่น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในระดับพึงพอใจมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.52