หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดเป้าหมายในการพัฒนามุ่งให้ผู้เรียนเป็นคนเก่งคนดี คนแข็งแรงสามารถนำไปใช้ในการแก้ปัญหาสถานการณ์ต่าง ๆ
ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ดังนั้นการเรียนรู้ด้วยเอกสารประกอบการเรียน
ชุด สุขภาพดีชีวีเป็นสุข วิชาสุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา
และพลศึกษา สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนควบคู่กับการพัฒนาสมรรถภาพ
ทางกายอย่างยั่งยืน การวิจัยในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย 1) เพื่อพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน
ชุด สุขภาพดีชีวีเป็นสุข วิชาสุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา
และพลศึกษา ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาค่าดัชนีประสิทธิผลการเรียนรู้
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน ชุด สุขภาพดีชีวีเป็นสุข
วิชาสุขศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน
ชุด สุขภาพดีชีวีเป็นสุข วิชาสุขศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยเอกสารประกอบการเรียน
ชุด สุขภาพดีชีวีเป็นสุข วิชาสุขศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนอรัญประเทศ ปีการศึกษา 2560 จำนวน 34 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 9 แผน คุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้น จากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.83 แผนการจัดการเรียนรู้มีความเหมาะสมระดับมากที่สุด เอกสารประกอบการเรียน ชุด สุขภาพดี
ชีวีเป็นสุข จำนวน 7 เล่ม คุณภาพของเอกสารประกอบการเรียนจากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ
มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.88 แสดงว่าเอกสารประกอบการเรียนมีความเหมาะสมระดับมากที่สุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสุขศึกษา พ23102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ - แบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ มีค่าดัชนีความสอดคล้องตั้งแต่ 0.80 ถึง 1.00 ถือว่ามีความเหมาะสม ค่าความยาก (p) ตั้งแต่ 0.35 ถึง 0.78 ค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.35 ถึง 1.00 ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ เท่ากับ 0.94 และแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียนมีค่า IOC ตั้งแต่ 0.80 ถึง 1.00 มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.40 ถึง 0.72 ทุกข้อมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนรายข้อกับคะแนนรวมมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับเท่ากับ 0.91 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และตรวจสอบสมมติฐานใช้ t test (Dependent Sample)
ผลการวิจัยพบว่า
1. เอกสารประกอบการเรียน ชุด สุขภาพดีชีวีเป็นสุข วิชาสุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 88.30/88.75 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80
2. ดัชนีประสิทธิผลการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยเอกสาร
ประกอบการเรียน ชุด สุขภาพดีชีวีเป็นสุข วิชาสุขศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา มีค่าเท่ากับ 0.7424 แสดงว่านักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นจากเดิมคิดเป็นร้อยละ 74.24
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการเรียนรู้
ด้วยเอกสารประกอบการเรียน ชุด สุขภาพดีชีวีเป็นสุข วิชาสุขศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ด้วยเอกสารประกอบ
การเรียน ชุด สุขภาพดีชีวีเป็นสุข วิชาสุขศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
โดยสรุป ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเอกสารประกอบการเรียน ชุด สุขภาพดี
ชีวีเป็นสุข วิชาสุขศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น ผู้เรียนมีสุขในการเรียนและมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุดในการจัดการเรียนการสอน และผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างมีคุณภาพ ดังนั้นเอกสารประกอบการเรียนจึงเป็นสื่อการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ มีประโยชน์สำหรับนำไปใช้ในการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา และกลุ่มสาระอื่น ๆ ในระดับชั้นอื่นเป็นอย่างยิ่ง