บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง : รายงานผลการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ร่วมด้วยช่วยกันเพื่อพัฒนาพฤติกรรมทาง
สังคม ด้านความร่วมมือโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบลงมือทำ (Active Learning)
ตามแนวคิดไฮ/สโคป(High/Scope) ชั้นอนุบาลปีที่ 1โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่
สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 1
ชื่อผู้ศึกษา : นางสุวรรณกร หน่อแก้ว
ปีการศึกษา : 2559
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการพัฒนาพฤติกรรมทางสังคมด้านความร่วมมือ ด้านการปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกัน การช่วยเหลือแบ่งปันวัสดุกับเพื่อน ความรับผิดชอบร่วมกับเพื่อน การทำงานร่วมกับเพื่อน และภาพรวมพฤติกรรมทางสังคม ด้านความร่วมมือ ระหว่างการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ ร่วมด้วยช่วยกันโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบลงมือกระทำ (Active Learning) ตามแนวคิดไฮ/สโคป และเพื่อศึกษาผลการเปรียบเทียบพัฒนาการพฤติกรรมทางสังคม ด้านความร่วมมือด้านการปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกัน การช่วยเหลือแบ่งปันวัสดุกับเพื่อน ความรับผิดชอบร่วมกับเพื่อน การทำงานร่วมกับเพื่อน ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ ร่วมด้วยช่วยกัน โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบลงมือกระทำ (Active Learning) ตามแนวคิดไฮ/สโคป ของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 1/3 โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต 1 จำนวน 30 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 เครื่องมือได้แก่ คู่มือการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ ร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อพัฒนาพฤติกรรมทางสังคม ด้านความร่วมมือ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบลงมือทำ (Active Learning) ตามแนวคิดไฮ/สโคป จำนวน 30 กิจกรรม แผนการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ ร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อพัฒนาพฤติกรรมทางสังคม ด้านความร่วมมือ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบลงมือทำ (Active Learning) ตามแนวคิดไฮ/สโคป จำนวน 30 แผน และแบบวัดและประเมินผลพฤติกรรมทางสังคม ด้านความร่วมมือ จำนวน 4 พฤติกรรม และภาพรวมพฤติกรรมอีก 1 ด้าน ก่อนการดำเนินการจัดกิจกรรมตามแผนการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ ร่วมด้วยช่วยกัน ได้ทำการสังเกตพฤติกรรมทางสังคม ด้านความร่วมมือ ของเด็กปฐมวัยด้วยแบบวัดและประเมินที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น เก็บรวบรวมข้อมูลไว้เพื่อวิเคราะห์พร้อมกับผลการประเมินหลังการจัดกิจกรรม จากนั้นได้ดำเนินกิจกรรมตามแผนการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ ร่วมด้วยช่วยกันจนครบ 10 สัปดาห์ พร้อมกับเก็บรวบรวมข้อมูลทั้ง 10 ช่วงสัปดาห์ โดยวิธ๊การสังเกตพฤติกรรมทางสังคมด้านความร่วมมือ เสร็จแล้วทำการวัดและแระเมินพฤติกรรมหลังจากจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ ร่วมด้วยช่วยกัน ด้วยแบบวัดชุดเดียวกันกับก่อนการจัดกิจกรรม และผลประเมินพฤติกรรมทางสังคมด้านความร่วมมือ ก่อนและหละงการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ ร่วมด้วยช่วยกัน ไปวิเคราะฟ์ข้อมูลด้วยการหาสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (µ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(σ) แยกเป็นรายด้านและภาพรวม โดยนำเสนอในรูปแบบตารางและภาพประกอบคำบรรยาย ผลการศึกษาพบว่า
1ผลการพัฒนาพฤติกรรมทางสังคม ด้านความร่วมมือ รายพฤติกรรมและภาพรวม ระหว่างการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ ร่วมด้วยช่วยกัน พฤติกรรมด้านการปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกัน การช่วยเหลือแบ่งปันวัสดุกับเพื่อน ความรับผิดชอบร่วมกับเพื่อน การทำงานร่วมกับเพื่อน และภาพรวมพฤติกรรมทางสังคม ในสัปดาห์แรกผลการพัฒนาการที่ประเมินพฤติกรรมอยู่ในระดับต้องปรับปรุงทุกพฤติกรรม ได้แก่ 0.88, 0.75, 0.82, 0.86, และ 0.83 ตามลำดับ ในสัปดาห์ต่อมาสัปดาห์ที่ 2 เป็นต้นไป มีการจัดกิจกรรมตามแผน และทำการวัดและประเมินพฤติกรรม ผลปรากฏว่า มีผลพัฒนาพฤติกรรมดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงสัปดาห์ที่ 10 ทุกพฤติกรรมและภาพรวม ยกเว้นพฤติกรรมการทำงานร่วมกับเพื่อน มีสัปดาห์ที่ 4,5 มีพัฒนาการพฤติกรรมลดลง (1.33,1.37) อยู่ในระดับพอใช้ จากนั้นมีพัฒนาดีขึ้นจนถึงสัปดาห์สุดท้าย พฤติกรรมรายด้าน ได้แก่ ด้านการปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกัน การช่วยเหลือแบ่งปันวัสดุกับเพื่อน ความรับผิดชอบร่วมกับเพื่อน การทำงานร่วมกับเพื่อน และด้านภาพรวมพฤติกรรมทางสังคม ผลการวัดและประเมินพฤติกรรมอยู่ในระดับพอใช้ ทุกพฤติกรรมและภาพรวมดังนี้ 2.25, 2.25, 2.25, 2.25, และ 2.25 ตามลำดับ
2. ผลการเปรียบเทียบพัฒนาการพฤติกรรมทางสังคม ด้านความร่วมมือ ก่อน-หลัง การจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ ร่วมด้วยช่วยกัน โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบลงมือกระทำ (Active Learning) ตามแนวคิดไฮ/สโคป ของเด็กปฐมวัย ปากฎว่าทุกพฤติกรรม ด้านการปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกัน การช่วยเหลือแบ่งปันวัสดุกับเพื่อน ความรับผิดชอบร่วมกับเพื่อน การทำงานร่วมกับเพื่อน และภาพรวมพฤติกรรมทางสังคมด้านความร่วมมือ มีคะแนนแตกต่างกันในทางที่ดีขึ้น ระหว่างก่อน-หลังการจัดกิจกรรม คือ ก่อนการจัดกิจกรรมผลการวัดพฤติกรรมอยู่ในระดับปรับปรุงคือ 1.50, 1.47, 1.17, 1.38 และ 1.37 ตามลำดับ หลังการจัดกิจกรรม ผลการประเมินอยู่ในระดับดี 2.87, 2.83, 2.93, 2.97 และ 2.91 แตกต่างกัน 1.37, 1.36, 1.76, 1.59 และ 1.54 ตามลำดับ เมื่อคิดเป็นร้อยละก้าวหน้า คือ 45.56, 45.42, 58.89, 53.06 และ 21.30 ตามลำดับ