บทคัดย่อ
การพัฒนาชุดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 วิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม มีจุดมุ่งหมายดังนี้
1) เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 วิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระห่างก่อนเรียนกับหลังเรียนวิชาประวัติศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านใหม่เจริญธรรม สั
งกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 24 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่
1. ชุดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD จำนวน 3 ชุด (14 กิจกรรมย่อย)
2. แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องพระมหากษัตริย์ไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (ฉบับที่ 1 ใช้วัดก่อนเรียนและหลังเรียน) และแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชุดกิจกรรมที่ 1-3 (ฉบับที่ 2-4 ใช้วัดระหว่างเรียน)
3. แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียน
1. โดยใช้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 วิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ผลการวิจัยพบว่า
1.1 ผลการพิจารณาความเหมาะสมของชุดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ทั้งหมด 3 ชุด มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุดทุกชุด มีค่าเฉลี่ยนอยู่ระหว่าง 4.54-4.57
1.2 ผลการหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กับนักเรียน 3 กลุ่ม มีดังนี้ หาประสิทธิภาพของชุกิจกรรมกับนักเรียนแบบหนึ่งต่อหนึ่ง (3 คน) พบว่ามีประสิทธิภาพเท่ากับ 77.78/75.56 หาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมกับนักเรียนกลุ่มเล็ก (12 คน) พบว่ามีประสิทธิภาพเท่ากับ 78.06/75.28 และหาประสิทธิภาพของชุกิจกรรมกับนักเรียนกลุ่มใหญ่หรือการทดลองภาคสนาม (22 คน) พบว่ามีประสิทธิภาพเท่ากับ 78.18/76.06 และหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง (24 คน) พบว่า มีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.42/77.92
2. ผลการเปรียบเทียบคะแนนที่ได้จากการทดสอบนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียน พบว่า คะแนนการทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ฺทางการเรียนโดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.60