บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ (The Constructivist Learning Model: CLM) ร่วมกับรูปแบบผังกราฟิก (Graphic Organizer Instructiona Model) และเทคนิคการระดมสมอง (Brainstorming Method) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) ศึกษาผลของการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย โดยใช้ทฤษฎีคอนสตรัค ติวิสต์ (The Constructivist Learning Model: CLM) ร่วมกับรูปแบบผังกราฟิก (Graphic Organizer Instructiona Model) และเทคนิคการระดมสมอง (Brainstorming Method) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 4) ประเมินและปรับปรุงการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ (The Constructivist Learning Model: CLM) ร่วมกับรูปแบบผังกราฟิก (Graphic Organizer Instructiona Model) และเทคนิคการระดมสมอง (Brainstorming Method) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ดำเนินการวิจัยโดยใช้ระเบียบวิธีการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ด้วยการวิจัยแบบผสมผสานวิธี (Mixed Methods Research) แบ่งเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การศึกษา วิเคราะห์ ข้อมูลพื้นฐาน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยคือ ครูภาษาไทย จำนวน 57 คน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 50 คน ระยะที่ 2 การออกแบบและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (ร่าง) กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ห้อง ม.3/2 จำนวน 35 คน ระยะที่ 3 การนำรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ไปใช้ กลุ่มตัวอย่างในการ วิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ห้อง ม.3/3 จำนวน 37 คน ระยะที่ 4 การประเมินผลรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ห้อง ม.3/3 จำนวน 37 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย โดยใช้ห้องเรียนเป็นฐานในการสุ่ม
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) แบบวิเคราะห์เนื้อหา 2) แบบสอบถาม 3) แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ท23101 ภาษาไทยพื้นฐาน 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 5) แบบทดสอบวัดทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 6) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษไทย เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ตรวจสอบเครื่องมือ 1) ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) 2) ค่าความยากง่าย (p) 3) ค่าอำนาจจำแนก (r) โดยใช้สูตร Point biserial correlation 4) ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบโดยใช้สูตร KR-20 ของคูเดอร์ ริชาร์ดสัน สถิติที่ใช้ในการตรวจสอบสมมติฐานได้แก่ ค่าที (t-test)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน เพื่อการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ด้วยวิธีการเชิงปริมาณพบว่า นโยบายของสถานศึกษา บรรยากาศขององค์กรนวัตกรรมและการใช้เทคโนโลยี และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ มีการปฏิบัติอยู่ในระดับน้อย และมีความต้องการอยู่ในระดับมาก ส่วนสภาพที่เป็นปัญหา ได้แก่ ครูผู้สอนขาดความรู้ความเข้าใจ และขาดเทคนิควิธีการสอนที่ส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ที่สังเคราะห์ขึ้น จากทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ (The Constructivist Learning Model: CLM) ร่วมกับรูปแบบผังกราฟิก (Graphic Organizer Instructional Model) และเทคนิคการระดมสมอง (Brainstorming Method) ได้ รูปแบบการจัดการเรียนรู้: ซีจีบี (CGB Model) (Constructivist Graphic Brainstorming Model: CGB) ซึ่งมีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 6 ขั้นตอน ดังนี้ 1) ขั้นนำ 2) ขั้นการสำรวจ/ระดมสมอง 3) ขั้นการนำเสนอความคิดด้วยแผนภาพความคิด 4) ขั้นจัดลำดับความคิดด้วยแผนภาพความคิด / ขั้นปฏิบัติ 5) ขั้นทำความเข้าใจให้กระจ่างแจ้ง และ 6) ขั้นพัฒนาผลที่ได้จากการเรียนรู้ด้วยแผนภาพคิด
3. ผลการตรวจสอบประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณโดยใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ (The Constructivist Learning Model: CLM) ร่วมกับรูปแบบผังกราฟิก (Graphic Organizer Instructiona Model) และเทคนิคการระดมสมอง (Brainstorming Method) โดยผู้เชี่ยวชาญ 5 คน พบว่ารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ มีประสิทธิภาพ และผลการตรวจสอบประสิทธิภาพเชิงประจักษ์ ของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยนำไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง พบว่า ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อส่งเสริมทักษะการอย่างมีวิจารณญาณ มีประสิทธิภาพเท่ากับ E1 / E2 = 82.46/81.68 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้คือ 80/80 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังเรียน โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01 และทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนก่อนเรียน และหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ พบว่าทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ.01
4. ผลการวัดความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณโดยใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ (The Constructivist Learning Model: CLM) ร่วมกับรูปแบบผังกราฟิก (Graphic Organizer Instructiona Model) และเทคนิคการระดมสมอง (Brainstorming Method) พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด