การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ รายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยม ศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขี้เหล็กพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ดครั้งนี้ มีความมุ่งหมายของการวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน และความต้องการรูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ รายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของครูผู้สอน และสังเคราะห์องค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บ โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขี้เหล็กพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด 2) เพื่อออกแบบและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ด้วยการคิดนอกกรอบ รายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขี้เหล็กพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ รายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขี้เหล็กพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด 3.1) ผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่พัฒนาขึ้นตาม รูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบรายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน ขี้เหล็กพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด 3.2) ผลการหาค่าดัชนีประสิทธิผลของ การจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ รายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน ขี้เหล็กพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด 3.3) ผลการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียน-หลังเรียน ของกลุ่มทดลอง โดยใช้ t-test แบบ Dependent Samples 3.4) ผลการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ ในภาพรวมของการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบฯ ก่อนเรียน-หลังเรียนของกลุ่มทดลอง โดยใช้ t-test แบบ Dependent Simples 3.5) ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ รายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขี้เหล็กพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ภายหลังสิ้นสุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย ครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขี้เหล็กพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ในภาคเรียน 2 ปีการศึกษา 2561 ที่กำลังเรียนรายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 จำนวน 26 คน โดยการเลือก กลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) ร่างรูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ รายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขี้เหล็กพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด 2) รูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ ที่ออกแบบตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ รายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยม ศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขี้เหล็กพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด 3) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 แบบวัดความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ และแบบวัดความพึงพอใจสำหรับนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบ การจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ 4) แบบประเมินของผู้ทรงคุณวุฒิ เกี่ยวกับความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่พัฒนาตามขั้นตอน เครื่องมือวัด และแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียน 5) แบบรับรองรูปแบบการจัดการเรียนรู้ บนเว็บของผู้ทรงคุณวุฒิ การวิเคราะห์หาคุณภาพของเครื่องมือ โดยหาการวิเคราะห์ความต้องการจำเป็น (Needs Assessment) โดยผู้วิจัยนำข้อมูลที่ได้ มาหาค่าดัชนีความต้องการจำเป็น (Priority Needs Index) เพื่อจัดลำดับความต้องการจำเป็น ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) โดยใช้วิธีของโรวิเนลลี (Rovinelli) และแฮมเบิลตัน (R.H.Hambleton) หาค่าความยาก (P) และค่าอำนาจจำแนก (r) โดยหาค่าความเชื่อมั่นโดยวิธีของโลเวทท์ (Lovett) หาคุณภาพของแบบสอบถาม หาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา ( -Coefficient) โดยหาค่าความเชื่อมั่นตามวิธีของครอนบาค Cronbach) วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของการเรียนรู้บนเว็บ (E1/E2 ) ตามเกณฑ์ 80/80 โดยใช้สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) วิเคราะห์หาค่าดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้บนเว็บ โดยใช้วิธีของกูดแมน,เพลคเทอร์ และ ชไนเดอร์ และวิเคราะห์คะแนนทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ย คะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้ค่าสถิติ T test (Dependent Samples)
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. ผลการศึกษาสภาพปัจจุบัน และความต้องการรูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ รายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา
ง23202 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของครูผู้สอน และสังเคราะห์องค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บ โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขี้เหล็กพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด
1.1 ผลการศึกษาสภาพปัจจุบัน และความต้องการรูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบของครูผู้สอน โดยการสอบถามจากครูผู้สอนรายวิชาคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ที่จัดการเรียนการสอนระดับมัธยมศึกษา จำนวน 6 คน พบว่า
1.1.1 ผู้สอนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันของรูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ กระบวนการจัดการเรียนรู้ และการประเมินผลรายวิชาคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.57 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.17
1.1.2 ผู้สอนมีความต้องการรูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ กระบวนการจัดการเรียนรู้ และการประเมินผลรายวิชาคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับมาก คะเฉลี่ยเท่ากับ 4.56 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.30
1.1.3มีค่า PNI modified อยู่ระหว่าง 0.320-0.552 ซึ่งครู มีความต้องการจำเป็น ในเรื่อง มีการวัดและการประเมินผลบนเว็บมากที่สุด (PNI modified = 0.552) รองลงมา คือ กิจกรรมการเรียนรู้แต่ละแผน สอดคล้องผลการเรียนรู้ (PNI modified= 0.536) และ มีการออกแบบเป็นระบบนำเสนอถูกต้องตามลำดับขั้นของการเรียนรู้บนเว็บ (PNI modified= 0.519)
1.2 ผลการสังเคราะห์องค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ รายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขี้เหล็กพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด มีดังนี้
1.2.1 องค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิดจาก หน่วยงาน องค์การ นักวิชาการ ดังนี้ Vishwanath (2006 : 115 - 116), Mujibul และ Mond (2007 : 6), Joyce, Weil และ Calhoun (2011 : 159-388), ทิศนา แขมมณี (2557 : 222) ซึ่งสังเคราะห์องค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ มีองค์ประกอบสำคัญ 6 องค์ประกอบ ซึ่งประกอบด้วย 1) หลักการแนวคิด ทฤษฎี 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
4) ระบบสังคม 5) หลักการตอบสนอง และ 6) ระบบสนับสนุน
1.2.2 องค์ประกอบของการเรียนรู้บนเว็บ ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิดจาก หน่วยงาน องค์การ นักวิชาการ ดังนี้ รัฐกรณ์ คิดการ (2551 : 15-20), วิชุดา รัตนเพียร (2545 : 29-35) , ใจทิพย์ ณ สงขลา (2542 : 18-28) , ถนอมพร เลาหจรัสแสง (2544 : 87-94) , สุมาลี ชัยเจริญ (2551 : 23-25) , ไชยยศ เรืองสุวรรณ (2552 : 91-92) เป็นบทเรียนบนเว็บ วิชาคอมพิวเตอร์ ในรายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยอาศัยคุณลักษณะของบทเรียนบนเว็บในการออกแบบการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญ 4 องค์ประกอบ คือ 1) การบริหารจัดการ (Learning Management) 2) การจัดการเนื้อหา (Content Management) 3) การติดต่อสื่อสาร (Communications) 4) การประเมินผล (Evaluation)
1.2.3 องค์ประกอบของความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ แบ่งเป็น 4 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) ความคิดคล่อง (Fluency) (2) ความคิดยืดหยุ่น (Flexibility) (3) ความคิดริเริ่ม (Originality) และ (4) ความคิดละเอียดลออ (Elaboration) ซึ่งเป็นการจัดการเรียนรู้ที่ฝึกการคิด ที่สวนทางกับแนวความคิดเดิม รูปแบบเดิมที่เคยทำ โดยไม่ได้คำนึงถึงความสมเหตุสมผล เป็นการคิดเพื่อให้ได้ปริมาณของความคิด ซึ่งปริมาณของความคิดมีความสำคัญต่อกระบวนการคิดสร้างสรรค์ สามารถนำความคิดไปใช้แก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่ ๆ ได้ โดยมีกิจกรรมเพื่อฝึกการคิดนอกกรอบ ตามแนวคิดของ Edward De Bono ซึ่งใช้เทคนิคในการฝึก 5 เทคนิค ดังนี้
1) เทคนิคการท้าทายสมมติฐาน
2) เทคนิคสร้างทางเลือก
3) เทคนิคการกระตุ้นสุ่ม
4) เทคนิคระดมสมอง และ
5) เทคนิคการคิดแบบแยกส่วน
แล้วใช้แบบทดสอบของ Torrance แบบ ก โดยการวัดประกอบด้วย 4 ด้าน คือ 1) ด้านความคิดคล่อง 2) ด้านความคิดยืดหยุ่น 3) ด้านความคิดริเริ่ม 4) ด้านความคิดละเอียดลออ
2. ผลการออกแบบและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ รายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขี้เหล็กพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด
โดย ผู้ทรงคุณวุฒิได้ประเมินความเหมาะสมของร่างรูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ รายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขี้เหล็กพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด โดยรวม มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.63 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.46
3. ผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ รายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 โรงเรียนขี้เหล็กพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด
3.1. ผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่พัฒนาขึ้นตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบรายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขี้เหล็กพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ดพัฒนาขึ้นมีค่าเท่ากับ 82.69/81.54 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
3.2 ผลการหาค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ รายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขี้เหล็กพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด มีค่าเท่ากับ 0.6678 ซึ่งแสดงว่าผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 66.78
3.3 ผลการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียน-หลังเรียน ของกลุ่มทดลอง โดยใช้ t-test แบบ Dependent Samples พบว่า หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
3.4 ผลการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบใน
ภาพรวมของการจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบฯ ก่อนเรียน-หลังเรียนของกลุ่มทดลอง โดยใช้ t-test แบบ Dependent Simples พบว่า ผู้เรียนมีค่าเฉลี่ยของคะแนนความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ ด้านความคิดคล่องแคล่ว ความคิดยืดหยุ่น ความคิดริเริ่ม และความคิดละเอียดลออ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
3.5 ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ
การจัดการเรียนรู้บนเว็บที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการคิดนอกกรอบ รายวิชาเพิ่มเติม งานกราฟิกและการแต่งภาพ รหัสวิชา ง23202 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขี้เหล็ก พิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ภายหลังสิ้นสุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ พบว่า มีความพึงพอใจโดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด