ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนาการพัฒนารูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐานเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์และความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน เรื่อง เอกภพ สำหรั

ชื่อเรื่อง การพัฒนาการพัฒนารูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐานเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์และความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน

เรื่อง เอกภพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ผู้วิจัย นางเกษราพร อรุณปิยเศรษฐ์

ปีที่ศึกษา 2560

บทคัดย่อ

การวิจัยการพัฒนารูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐานเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์และความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน เรื่อง เอกภพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์การวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐาน เรื่อง เอกภพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อสร้างและตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐาน เรื่อง เอกภพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อนำไปใช้จริงและศึกษาผลการใช้รูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐาน เรื่อง เอกภพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐาน เรื่อง เอกภพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

วิธีการวิจัยประกอบไปด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐาน เรื่อง เอกภพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เพื่อทราบข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสภาพการจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มที่ 1 จำนวน 11 โรงเรียน และการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการจัดการเรียนการสอน การวัดและประเมินผลของวิชาวิทยาศาสตร์ และแนวคิดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน

2) สร้างและตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐานเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์และความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน เรื่อง เอกภพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการเรียนและเอกสารประกอบการใช้รูปแบบการโดยผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ จำนวน 8 ท่าน จากนั้นนำของรูปแบบการเรียนและเอกสารประกอบการใช้รูปแบบการเรียนที่ปรับปรุงตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญมาทำการทดลองใช้เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียน

อรพิมพ์วิทยา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 28 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ รูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐาน เรื่อง เอกภพ และคู่มือประกอบการใช้รูปแบบฯ ส่วนเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ แบบวัดความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ และแบบบันทึกสภาพการจัดการเรียนการสอน 3) การนำไปใช้จริงและศึกษาผลการใช้รูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐานเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์และความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน เรื่อง เอกภพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนอรพิมพ์วิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 29 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ รูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐาน เรื่อง เอกภพ และคู่มือประกอบการใช้รูปแบบฯ ส่วนเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ แบบวัดความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ และแบบบันทึกสภาพการจัดการเรียนการสอน และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐานเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์และความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน เรื่อง เอกภพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 15 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าประสิทธิภาพ E1/E2 ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้ t-test (Dependent Samples)

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐาน พบว่า 1) สภาพการจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มที่ 1 ด้านสื่อและแหล่งการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และด้านการประเมินผลการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยโดยรวมอยู่ในระดับมาก สภาพชั้นเรียนและบรรยากาศการเรียนรู้ ส่วนใหญ่จัดสภาพชั้นเรียนโดยให้นักเรียนนั่งเป็นกลุ่ม มีขั้นนำเข้าสู่บทเรียนโดยการตั้งคำถาม ขั้นสอนส่วนใหญ่ใช้วิธีการจัดการเรียนการสอนโดยครูเป็นผู้บรรยายและให้นักเรียนศึกษาเนื้อหาในแบบเรียนหรือใบความรู้ประกอบการบรรยาย การจัดการเรียนการสอนส่วนใหญ่เน้นด้านความรู้โดยให้นักเรียนปฏิบัติการทำใบงานหรือแบบฝึกหัด มีการปฏิบัติกิจกรรมการทดลองในเนื้อหาที่มีการทดลอง และมีการนำเสนอผลการทดลองเป็นบางครั้งเนื่องจากเวลาไม่เพียงพอ ครูส่วนใหญ่มีความเห็นว่า การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถของสมองในการพัฒนาด้านผลสัมฤทธิ์ การคิดสร้างสรรค์ การคิดเชิงวิพากษ์วิจารณ์ ควรมีการนำเทคนิคการจัดการเรียนรู้แบบต่างๆ ที่เหมาะสมมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนได้มีการพัฒนาความรู้ความสามารถของสมอง เช่น เทคนิคการเรียนแบบโครงงาน การเรียนโดยใช้สมองเป็นฐาน การเรียนโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เป็นต้น 2) ผลการศึกษา แนวทางการจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ และแนวคิดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน พบว่า การจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ เน้นกระบวนการที่นักเรียนเป็นผู้คิด ลงมือปฏิบัติ ศึกษาค้นคว้าอย่างมีระบบด้วยกิจกรรมหลากหลาย การเรียนรู้ของนักเรียนจะเกิดขึ้นระหว่างที่นักเรียนมีส่วนร่วมโดยตรงในการทำกิจกรรมการเรียนเหล่านั้น โดยใช้การจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน ซึ่งเป็นการนำความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสมองไปใช้เป็นเครื่องมือการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาศักยภาพสูงสุดในการเรียนรู้ของผู้เรียน

2. ผลการสร้างและตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐาน พบว่า 1) รูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐาน เรื่อง เอกภพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่พัฒนาขึ้นมีองค์ประกอบ 5 องค์ประกอบได้แก่ แนวคิดและทฤษฎีพื้นฐานการเรียนรู้ วัตถุประสงค์ เนื้อหา กระบวนการเรียนการสอน ระบบสังคม และผลการประเมินคุณภาพของรูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐานโดยผู้เชี่ยวชาญพบว่า มีคุณภาพอยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด 2) เอกสารประกอบการใช้รูปแบบการเรียน ประกอบด้วย คู่มือการใช้รูปแบบการเรียนและแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 7 แผน ซึ่งผลการประเมินเอกสารประกอบการใช้รูปแบบการเรียนโดยผู้เชี่ยวชาญพบว่า มีคุณภาพอยู่ในระดับเหมาะสมมาก 3) ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติกับนักเรียนที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง พบว่า ค่าประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้มีค่าเท่ากับ 81.98/81.70 เป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80 การวิเคราะห์คะแนนผลสัมฤทธิ์และคะแนนความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์พบว่า คะแนนผลสัมฤทธิ์และคะแนนความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และจากการวิเคราะห์ค่าร้อยละของจำนวนนักเรียนที่มีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์เฉลี่ยร้อยละ 80 พบว่า มีจำนวนนักเรียน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 71.43. ที่มีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์เฉลี่ยร้อยละ 80 ซึ่งร้อยละของจำนวนนักเรียนดังกล่าวต่ำกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75

3. ผลการนำไปใช้จริงและศึกษาผลการใช้รูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐาน พบวา 1) ค่าประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ประกอบรูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐาน เรื่อง เอกภพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในขั้นนำไปใช้จริงกับกลุ่มตัวอย่าง มีค่าประสิทธิภาพ 82.07/81.98 ซึ่งค่าประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างที่เรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐานเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์และความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน เรื่อง เอกภพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างที่เรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐานเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์และความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน เรื่อง เอกภพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 4) จำนวนนักเรียนที่มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐานกับผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 มีจำนวน 23 คน คิดเป็นร้อยละ 79.31 ซึ่งผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ว่าให้จำนวนนักเรียนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 มีคะแนนคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐานผ่านเกณฑ์เฉลี่ยร้อยละ 80

4. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอน พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสมองเป็นฐาน เรื่อง เอกภพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด

โพสต์โดย ครูกุ้ง : [17 มี.ค. 2562 เวลา 04:27 น.]
อ่าน [5323] ไอพี : 223.205.250.186
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 26,274 ครั้ง
กำเนิดดวงดาว
กำเนิดดวงดาว

เปิดอ่าน 10,186 ครั้ง
ปฏิรูปการศึกษาไทย พายเรือในอ่าง (จบ)
ปฏิรูปการศึกษาไทย พายเรือในอ่าง (จบ)

เปิดอ่าน 7,738 ครั้ง
ทำอย่างไร?...ถึงจะทำให้คนในชาติเกิดค่านิยมไทย
ทำอย่างไร?...ถึงจะทำให้คนในชาติเกิดค่านิยมไทย

เปิดอ่าน 13,527 ครั้ง
เตาอบไมโครเวฟ ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ไหม
เตาอบไมโครเวฟ ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ไหม

เปิดอ่าน 12,060 ครั้ง
ทำไมขนมโดนัทจึงมีรู
ทำไมขนมโดนัทจึงมีรู

เปิดอ่าน 32,982 ครั้ง
ถอดบทเรียน ครอบครัว-การศึกษา สร้าง "เด็ก" เเตกต่าง "เก่ง" ในทางของตัวเอง
ถอดบทเรียน ครอบครัว-การศึกษา สร้าง "เด็ก" เเตกต่าง "เก่ง" ในทางของตัวเอง

เปิดอ่าน 11,189 ครั้ง
ขาดเกลืออาจทำให้เป็นโรคซึมเศร้าได้
ขาดเกลืออาจทำให้เป็นโรคซึมเศร้าได้

เปิดอ่าน 26,489 ครั้ง
แมลงมีพิษกัดต่อย
แมลงมีพิษกัดต่อย

เปิดอ่าน 29,894 ครั้ง
มาค้นหาไฟล์ใหญ่ๆในฮาร์ดดิสก์กันเถอะ
มาค้นหาไฟล์ใหญ่ๆในฮาร์ดดิสก์กันเถอะ

เปิดอ่าน 27,551 ครั้ง
ความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากการเก็บข้อมูลของการวิจัย
ความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากการเก็บข้อมูลของการวิจัย

เปิดอ่าน 14,851 ครั้ง
บูชาแล้วรวย
บูชาแล้วรวย

เปิดอ่าน 4,840 ครั้ง
อาหารแสลง คืออะไร
อาหารแสลง คืออะไร

เปิดอ่าน 12,373 ครั้ง
7 วิธีทำให้หน้าเด็ก
7 วิธีทำให้หน้าเด็ก

เปิดอ่าน 35,219 ครั้ง
ขนาดของหน่วยความจำและขนาดของภาพเมื่อนำไปอัด
ขนาดของหน่วยความจำและขนาดของภาพเมื่อนำไปอัด

เปิดอ่าน 14,296 ครั้ง
อะโวคาโด
อะโวคาโด

เปิดอ่าน 11,491 ครั้ง
เคล็ดลับการถ่ายภาพ ทะเล ให้สวยถูกใจ
เคล็ดลับการถ่ายภาพ ทะเล ให้สวยถูกใจ
เปิดอ่าน 17,806 ครั้ง
กินช็อกโกแลต ดื่มชาและเหล้าไวน์ ช่วยบำรุงสติปัญญาได้
กินช็อกโกแลต ดื่มชาและเหล้าไวน์ ช่วยบำรุงสติปัญญาได้
เปิดอ่าน 17,760 ครั้ง
ครูยุคใหม่ แค่มีจิตวิญญาณครู-ไม่พอ
ครูยุคใหม่ แค่มีจิตวิญญาณครู-ไม่พอ
เปิดอ่าน 11,785 ครั้ง
คุณแม่มือใหม่ดูเลย ที่ญี่ปุ่นมีโรงเรียนสอนแม่เลี้ยงลูก (รายการ ดูให้รู้)
คุณแม่มือใหม่ดูเลย ที่ญี่ปุ่นมีโรงเรียนสอนแม่เลี้ยงลูก (รายการ ดูให้รู้)
เปิดอ่าน 10,595 ครั้ง
หมอนดีนอนหลับสบายลดอาการปวดคอ
หมอนดีนอนหลับสบายลดอาการปวดคอ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.

Thailand Web Stat

Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ