ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนเชิงสร้างสรรค์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD
ผู้วิจัย นางสาวสุวรรณี โพธิ์ศรี
หน่วยงาน โรงเรียนสามชัย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 24
ปีที่พิมพ์ 2562
บทคัดย่อ
แบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทยเป็นเครื่องมือที่ช่วยพัฒนาทักษะ โดยอาศัยการฝึกฝนหรือปฏิบัติด้วยตนเองของนักเรียน ลักษณะปัญหาในแบบฝึกทักษะจะเป็นปัญหาที่เสริมทักษะพื้นฐานโดยกำหนดขึ้นให้นักเรียนตอบเรียงลำดับจากง่ายไปยาก ปริมาณของปัญหาต้องเพียงพอที่สามารถตรวจสอบและพัฒนาทักษะกระบวนการคิด กระบวนการเรียนรู้ของนักเรียนที่เรียนไปแล้ว เพื่อนำไปใช้ในการแก้ปัญหา การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD เน้นให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติกิจกรรมร่วมกันในการเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อย นักเรียนได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเห็นคุณค่าความแตกต่างระหว่างบุคคล จึงเป็นวิธีการสอนที่ช่วยให้การจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การวิจัยครั้งนี้ความมุ่งหมายดังนี้ (1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนเชิงสร้างสรรค์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 (2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนเชิงสร้างสรรค์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย เรื่องการเขียนเชิงสร้างสรรค์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD (4) เพื่อศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย เรื่องการเขียนเชิงสร้างสรรค์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนสามชัย อำเภอสามชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 32 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย มีจำนวน 4 ชนิด ได้แก่ (1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD วิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนเชิงสร้างสรรค์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 20 แผน (2) แบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนเชิงสร้างสรรค์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD จำนวน 10 ชุด (3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบทดสอบเลือกตอบ ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ มีค่าความยาก (p) ตั้งแต่ 0.35 ถึง 0.80 และค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.26 ถึง 0.84 ค่าความเชื่อมั่น ( ) เท่ากับ 0.89 (4) แบบวัดความพึงพอใจต่อแบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ ค่าอำนาจจำแนก ( ) มีค่าตั้งแต่ 0.20 ถึง 0.46 ค่าความเชื่อมั่น ( ) เท่ากับ 0.73 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t-test (Dependent Samples)
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. แบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนเชิงสร้างสรรค์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 76.73/ 77.66 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 75/75
2. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนเชิงสร้างสรรค์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.630
คิดเป็นร้อยละ 63.00
3. นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนเชิง
สร้างสรรค์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD มีระดับความพึงพอใจ โดยรวมอยู่ในระดับมาก
4. นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนเชิง
สร้างสรรค์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD มีความคงทนในการเรียนรู้
โดยสรุป แบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนเชิงสร้างสรรค์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD นี้ มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล นักเรียนมีความพึงพอใจ และความคงทนในการเรียนรู้ สามารถนำไปใช้ในการเรียนการสอนได้