ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร (Communicative English)
อดุลย์ กองทอง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายโสธร เขต ๑
บทนำ
แนวคิดทฤษฎีการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองหรือภาษาต่างประเทศ (English as a Second Language or English as a Foreign Language) ทั่วโลกในปัจจุบันให้ความสำคัญเกี่ยวกับสมรรถนะทางการสื่อสาร (Communicative Competency) การจัดการเรียนการสอนจะมุ่งเน้นให้ผู้เรียนภาษาสามารถใช้ภาษาสื่อสารในสังคมโลกได้จริง พัฒนาผู้เรียนภาษาให้มีความรู้หลักภาษา (Form) ควบคู่กับการใช้ภาษาสื่อสาร (Use) ได้อย่างเหมาะสมกับบริบทต่าง ๆ ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ สนับสนุนให้ผู้เรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ การคิดวิเคราะห์ (Analytical Thinking) การคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) ทักษะการแก้ปัญหา (Problem Solving) และการทำงานร่วมกันเป็นทีม (Collaboration and Team Work) การสอนภาษาที่เน้นภาระงาน (Task-Based Instruction) นับเป็นแนวการสอนที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาสื่อสารอย่างมีความหมาย มีทักษะคิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา และทำงานร่วมกันเป็นทีม เพื่อทำกิจกรรมหรือชิ้นงานให้สำเร็จ ช่วยให้ผู้เรียนมีองค์ความรู้และทักษะภาษาที่ใช้ในสถานการณ์สื่อสารจริง ผู้สอนปรับเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้สนับสนุนการเรียนรู้ (Facilitator) ให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ขึ้นเองจากการเรียนตัวภาษาและการใช้ภาษาในสถานการณ์สื่อสารได้เหมาะสม ผ่านกิจกรรมสื่อสารที่หลากหลาย (Communicative Activities) การสอนภาษาที่เน้นภาระงานนับเป็นแนวการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่สอดคล้องกับความจำเป็นในสังคมปัจจุบันที่ต้องการพัฒนาคนไทยให้มีทักษะภาษาอังกฤษในระดับสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นทรัพยากรสำคัญต่อการพัฒนาประเทศสอดรับกับแนวคิดการพัฒนาประเทศในยุค Thailand ๔.๐ (สมบัติ คชสิทธิ์ และคณะ, ๒๕๖๐)
ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางที่คนทั้งโลกใช้ติดต่อสื่อสารกัน ซึ่งประเทศอาเซียน ASEAN ก็ใช้เป็นภาษากลางในการติดต่อสื่อสาร (กรมอาเซียน, ๒๕๕๕) ประเทศไทยก็เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ที่ถึงแม้จะมีภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติ แต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารกับนานาชาติ ในทุกด้าน จึงเป็นความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษให้กับคนไทย โดยเฉพาะกับเด็ก (อารีวรรณ เอี่ยมสะอาด, ๒๕๖๑) ปี ๒๕๕๗ กระทรวงศึกษาธิการ จึงประกาศเรื่องนโยบายการปฏิรูปการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานปรับจุดเน้นการเรียนการสอนภาษาอังกฤษให้เป็นไปตามธรรมชาติของการเรียนรู้โดยเน้นการสื่อสาร (Communicative Language Teaching : CLT) (กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๕๗) ในปี ๒๕๕๘ ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) จึงเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่สถานศึกษาและครูผู้สอนจะต้องจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาเซียนศึกษาให้กับนักเรียนไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจการเมือง สังคมและวัฒนธรรมประเพณีของประเทศสมาชิกประชาคมอาเซียน รวมทั้งการพัฒนาด้านการใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อให้ประชากรไทยมีความพร้อมสำหรับอนาคตและก้าวไปข้างหน้าให้เท่ากันกับประเทศสมาชิกอื่น ๆ ในประชากรอาเซียนด้วยกัน ปัจจัยของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศสมาชิกประชาคมอาเซียนคือ การสร้างเสริมการใช้ภาษาอังกฤษโดยที่กำหนดให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาของการทำงาน (กฎบัตรอาเซียน) ทั้งนี้เพื่อให้ประชากรของประชาคมอาเซียนสามารถติดต่อสื่อสารได้โดยตรงและมีประสิทธิภาพอีกทั้งยังเป็นการที่จะทำให้ประชาคมอาเซียนสามารถมีส่วนร่วมอย่างมีประสิทธิภาพในเวทีระหว่างประเทศที่กว้างออกไปอีกด้วย (สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๕๔ : ๑ - ๒๘)
รูปแบบการจัดรูปแบบการจัดหลักสูตรภาษาอังกฤษในระดับประถมศึกษา
Dubin and Elite (๑๙๙๑), Krahnke (๑๙๘๗) ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนภาษาอังกฤษ ได้จัดรูปแบบการจัดหลักสูตรภาษาอังกฤษในระดับประถมศึกษา ๗ แบบ ดังนี้
(๑) หลักสูตรที่เน้นโครงสร้างและไวยากรณ์ (Structural Grammar Syllabus) หรือ หลักสูตรภาษาศาสตร์ประกอบด้วยหัวข้อไวยากรณ์ต่างๆ เช่น คำนาม คำสรรพนาม คำวิเศษณ์ประโยคคำถาม เป็นต้น
(๒) หลักสูตรที่เน้นความหมายและการสื่อความหมาย (Semantic-Notional Syllabus) เนื้อหาภาษาที่นำมาสอนในหลักสูตรนี้คือ การใช้ภาษาตามหน้าที่และการสื่อสารความหมาย ตัวอย่างหน้าที่ภาษาได้แก่ การให้ข้อมูล การตกลง การขอโทษตัวอย่างการสื่อความหมาย ได้แก่ การบอกขนาดอายุ สี การเปรียบเทียบ การบอกเวลา เป็นต้น
(๓) หลักสูตรที่เน้นหน้าที่ของภาษา (Functional Syllabus) ส่วนใหญ่เป็นหลักสูตรที่พัฒนาควบคู่กับหลักสูตรที่เน้นความหมายและการสื่อความหมาย และเกิดการผสมผสานกันในบางครั้ง หลักสูตรแบบนี้เน้นหน้าที่ของภาษาที่ใช้ในสังคม เช่น การใช้ภาษาในการแนะนำ ต้อนรับ เชื้อเชิญขอโทษ ขอบคุณ เป็นต้น (Wilkins, ๑๙๗๖)
(๕) หลักสูตรที่เน้นทักษะ (Skill-Based Syllabus) เนื้อหาที่นำมาสอนในหลักสูตรนี้จากการรวบรวมทักษะเฉพาะที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้ภาษา ทักษะในที่นี้ หมายถึง ความสามารถของบุคคลในการใช้ภาษา การใช้ทักษะต่าง ๆ นี้เน้นความสามารถทางภาษาศาสตร์ เช่น การออกเสียง คำศัพท์ ไวยากรณ์ และข้อความต่อเนื่องโดยรวบรวมทักษะการใช้ภาษาแล้วนำมาจัดรูปแบบพฤติกรรมได้แก่ การฟัง ภาษาพูด การพูดเพื่อนำเสนอข้อมูล เป็นต้น จุดประสงค์หลักของการสอนคือการเน้นทักษะเฉพาะด้าน ส่วนจุดประสงค์รองคือพัฒนาความสามารถทั่วไปในการใช้ภาษาและการเรียนรู้ข้อมูลต่าง ๆ ในขณะฝึกทักษะทางภาษา
(๖) หลักสูตรที่เน้นงานปฏิบัติ (Task-Based Syllabus) เนื้อหาที่นำมาสอนในหลักสูตรนี้คือจำนวนงานที่ผู้เรียนต้องปฏิบัติโดยใช้ภาษาเป็นสื่อ งานที่นำมาให้ปฏิบัติต้องมีจุดประสงค์ชัดเจนงาน (Task) ในที่นี้หมายถึงกิจกรรมที่มีจุดมุ่งหมายมากกว่าการเรียนภาษาโดยทั่วไป การเน้นงานปฏิบัติมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้เรียนใช้สิ่งที่มีหรือที่จัดหาไว้แล้วช่วยในการปฏิบัติงานให้สำเร็จ โดยผู้เรียนมีโอกาสเลือกใช้ภาษาได้หลายรูปแบบหลายหน้าที่หลายทักษะอย่างเป็นอิสระ และไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า ตัวอย่างงานที่นำมาสอน ได้แก่ การสมัครงาน การพูดคุยกับบุคคลอื่น การหาข้อมูลทางโทรศัพท์เป็นต้น การสอนแบบนี้เกี่ยวข้องกับความสามารถในการสื่อสารและกระบวนการทางปัญญา
(๗) หลักสูตรที่เน้นเนื้อหาวิชา (Content-Based Syllabus) จุดประสงค์ที่สำคัญของหลักสูตร คือการเน้นเนื้อหาหรือข้อมูลทางภาษาเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ภาษาในขณะที่ได้รับเนื้อหาวิชาด้วย เนื้อหาวิชาเป็นจุดประสงค์หลักในการสอน ส่วนการเรียนภาษาเป็นเป้าหมายรองลงไป ไม่มีการจัดเนื้อหาในการสอนภาษา สิ่งที่เน้นคือข้อมูลจากเนื้อหาวิชา ตัวอย่างหลักสูตรคือ การสอนวิชาวิทยาศาสตร์ โดยใช้ภาษาที่ต้องการให้นักเรียนเรียนรู้
ขั้นตอนการสอนแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร (Teaching Stages) ประกอบด้วย
๑. ขั้นการนำเสนอเนื้อหา (Presentation)
การนำเสนอเนื้อหาให้มาจัดเป็นขั้นการสอนที่สำคัญขั้นหนึ่ง ครูเป็นผู้ให้ข้อมูลทางภาษาแก่ผู้เรียน เน้นให้ผู้เรียนรับรูและทำความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายรูปแบบภาษา การออกเสียง คำศัพท์ โครงสร้างทางไวยกรณ์ดำเนินการไดตามผัง ดังนี้
Leadin →Elicitation→Explanation→Repetition→Memorization of Linguistics Models
Figure ๑ : Presentation Stage
การนำเข้าสู่เนื้อหา (Lead In) ผู้สอนเสนอบริบทหรือสถานการณ์แก่ผู้้เรียนโดยใช้ภาพ แผนที่ คำศัพท์รูปประโยค เรื่องที่เล่าให้ฟัง สำนวน รูปแบบภาษา โดยให้ผู้เรียนได้ฟัง พูด ตามแบบการดึงความรู้เดิม (Elicitation) ผู้สอนตั้งคำถาม ๒ ๓ คำถาม เพื่อตรวจสอบความรูผู้เรียนมีมากน้อยเพียงใด ถ้าผู้เรียนตอบไดหรือบอกคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องไดก็ไมจำเป็นต้องเสียเวลากับการนำเสนอเนื้อหามากนักการอธิบาย (Explanation) อธิบายเนื้อหาทางภาษาที่จำเป็นเสนอรูปแบบการใช้ภาษาที่หลากหลาย(Function) วิธีใช้ความหมายการอ่านออกเสียงซึ่งนำไปสูขั้นตอนการจดจำ
๒. ขั้นการฝึก (Practice)
ผู้เรียนฝึกการใช้ภาษาที่เริ่มเรียนรูใหม่ด้วยการฝึกแบบควบคุม (Controlled Practice) ผู้สอนเป็นผู้นำในการฝึกเน้นให้ผู้เรียนจดจำรูปแบบของภาษา ความถูกต้องของภาษา ทำความเข้าใจความหมายวิธีการใช้การฝึกนี้เริ่มต้นการฝึกแบบกลไก (Mechanism) เช่น เริ่มการฝึกปากเปล่า (Oral) เป็นการพูดอย่างง่าย ๆ ก่อนจนได้รูปแบบภาษาหรือโครงสร้าง (Structural Exercises) ทำซ้ำ ๆ ตามตัวอย่างจดจำและนำไปใช้ตามรูปแบบจนเกิดความคล่องเป็นอัตโนมัติ (Automatism) จากนั้นจึงฝึกแบบกลุ่มย่อย หรือ ฝึกทีละคน เชื่อมโยงประโยค ฝึกพูดสนทนา (Micro Dialogue) สถานการณ์เหล่านี้จะเป็นสถานการณ์ที่สร้างขึ้นภายในห้องเรียนเพื่อฝึกการใช้โครงสร้างประโยคตามบทเรียนต่อจากนั้นจึงฝึกด้วยการเขียน (Written) เป็นการผนึกความม่นยำในการใช้ฝึกสังเกต และฝึกการเชื่อมโยงความสัมพันธ์จนถึงการเขียนตามคำบอก
Oral Practice → Written Practice → Cohension → Composition Oral → Dictation
Figure ๒ : Practice Stages
๓. ขั้นการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร (Production)
การฝึกขั้นตอนนี้สำคัญที่สุด เพราะการฝึกนี้เปรียบเสมือนตัวกลางที่เชื่อมโยงการเรียนรูภาษาในชั้นเรียนกับการนำภาษาไปใช้จริงนอกห้องเรียนมีจุดประสงค์ให้ผู้เรียนได้ใช้ภาษาในสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วยตนเองโดยผู้สอนเป็นเพียงผู้กำหนดสถานการณ์ชี้แนะแนวทาง และช่วยเหลือเท่านั้นกิจกรรมการใช้ภาษาในขั้นนี้ เช่น การแสดงบทบาทสมมติ (Role play) การแสดงในสถานการณ์จำลอง (Simulation) เพื่อแก้ปัญหาที่ผู้เรียนไม่สามารถนำความรู้ในชั้นเรียนไปใช้ภายนอกได้ และเพื่อให้เป็นการเรียนรู้ที่เป็นธรรมชาติในสถานการณ์ต่าง ๆ การสอนภาษาเพื่อการสื่อสารจึงมักใช้สื่อซึ่งเป็นของจริง (Real Materials) เช่นบทความ โฆษณา ข่าววิทยุ โทรทัศน์ การพยากรณ์อากาศ เมนูอาหาร ตารางเวลา สภาพดินฟ้าอากาศ ด้วยการอภิปราย (Discussion) เขียนความเรียง (Composition) ขั้นตอนการสอนทั้ง ๓P ใช้สำหรับ การส่งสาร (Productive Skill) คือ ทักษะการพูดและการเขียน และการรับสาร (Receptive Skill) คือ ทักษะการฟังและการอ่าน
ที่มา : สุชาดา โภชนสมบูรณ์ (๒๕๔๙)
การจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เช่น ครูขาดทักษะ การสอนขาดทักษะการคิด การสื่อสารของครูในชั้นเรียน ครูไม่กล้าพูดเป็นภาษาอังกฤษ ขาดทักษะกระบวนการในการจัดการเรียนการสอนซึ่งครูอาจจะจบไม่ตรงสาขาที่ทำการสอนโดยเฉพาะเนื้อหาบางเรื่องนั้นยากส่งผลให้นักเรียนไม่เข้าใจและขาดเจตคติที่ดีต่อการเรียนภาษาอังกฤษ ถึงแม้การเรียนการสอนจะมีเทคนิค กระบวนการรวมทั้งกิจกรรมที่หลากหลายน่าสนใจ มีอุปกรณ์การเรียนการสอน จูงใจให้ผู้เรียนรักการเรียนเน้นการเรียนการสอนเพื่อการสื่อสาร (The Communicative Approach) เด็กไทยก็ยังไม่สามารถ นำภาษาอังกฤษไปใช้ในสถานการณ์ในสภาพความเป็นจริงได้ สาเหตุหนึ่ง คือ สภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นองค์ประกอบ สำคัญที่มีอิทธิพลต่อการเรียน การสอนภาษาอังกฤษ สังคมไทยไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน เมื่อนักเรียนฝึกพูดภาษาอังกฤษที่โรงเรียนแล้วพอกลับบ้าน ก็ไม่ได้ใช้จึงขาดความต่อเนื่อง (กรมวิชาการ, ๒๕๔๒ ก : ๑) ส่งผลให้นักเรียนไม่เข้าใจ จำประโยคที่ต้องพูดไม่ได้จึงทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางด้านการเรียนวิชาภาษาอังกฤษอยู่ในระดับต่ำโดยเฉพาะเนื้อหาที่จำเป็นต้องเตรียมตัวเข้าสอบวัดผลระดับชาติหรือการสอบ O NET นั้น สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ที่นำมาออกข้อสอบมากคือ สาระที่ ๑ ภาษาเพื่อการสื่อสาร ด้วยเหตุผลนี้ ผู้เรียนควรมีโอกาสฝึกทักษะทางภาษาทั้ง ๔ ด้านคือ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนเพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ด้านภาษาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ (เศรษฐพัส สุวรรณแสนทวี และคณะ, ๒๕๕๙)
เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารที่น่าสนใจอีกอย่างคือ การสอนแบบทีม หรือ Team Teaching เป็นการทำงานร่วมกันของครูผู้สอน ตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไปร่วมกันออกแบบบทเรียนเริ่มตั้งแต่การเคราะห์หลักสูตรรายวิชา การวิเคราะห์หัวข้อหลัก การวิเคราะห์หัวข้อรอง การวิเคราะห์ระดับความรู้และทักษะ การวิเคราะห์จุดประสงค์ การสร้างเนื้อหา การกกำหนดวิธี การสอน การสร้างสื่อการสอน การสร้างแบบประเมินผล การวางแผนการสอนทำงานร่วมกันและความรับผิดชอบกาใน การเรียนการสอนนักเรียนกลุ่มเดียวกันทั้งกระบวนการ ผู้สอนอาจเลือกวิธีสอนใด ๆ ก็ได้ตามความเหมาะสมกับเนื้อหาของการเรียนการสอนการสอนแบบทีมจะประกอบไปด้วยหัวหน้าทีม (Team Leader) ผู้ร่วมทีม ได้แก่ ครู /อาจารย์อาวุโส (Senior Teacher) ครู/อาจารย์ประจำ (Master Teacher) และครู/อาจารย์ช่วยสอน (Co-operative Teacher) การสอนเป็นคณะนั้น
มีประโยชน์หากจะนำมาใช้ในสถานศึกษาประโยชน์เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนของผู้สอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยนำเอาศักยภาพของผู้สอนแต่ละคนออกมาใช้ให้มากที่สุด (YorkBarr,J. et al, ๒๐๐๗)
บทสรุป
สภาพการณ์จริงของการจัดการเรียนสอนภาษาอังกฤษในระดับประถมศึกษาในปัจจุบัน ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จและความล้มเหลวเกิดจาก 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยเอื้อหรือปัจจัยสนับสนุนปัจจัยเชิงอุปสรรคซึ่งทั้ง 2 ปัจจัย ผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักเรียน และผู้ปกครองต่างมีบทบาทเกี่ยวข้องแต่สามารถนำมาส่งเสริม สนับสนุน พิจารณาและปรับปรุงแก้ไขปัญหาได้ การจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในระดับประถมศึกษานับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในระบบการศึกษาของไทยในปัจจุบัน เพราะเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้นและการพัฒนาศักยภาพในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในยุคของประเทศไทย ๔.๐
ซึ่งการสอนจะต้องเป็นการบูรณาการทักษะต่าง ๆ ให้สัมพันธ์กัน ผู้เรียนจะต้องรู้จุดประสงค์และเป้าหมายที่แน่นอนและครูจะต้องจัดกิจกรรมและบรรยากาศในห้องเรียนเอื้อต่อกระบวนการการเรียนการสอน เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้เรียนด้วยกัน และระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนเพื่อเป็นการสนับสนุนให้ผู้เรียนใช้ภาษาให้มากที่สุด
เอกสารอ้างอิง
กรมวิชาการ. วิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : กองวิจัยทางการศึกษา, ๒๕๔๒.
กรมอาเซียน. ความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน. กรุงเทพฯ : กระทรวงการต่างประเทศ, ๒๕๕๕.
กระทรวงศึกษาธิการ. วารสารการสร้างประชาคมอาเซียน ๒๕๕๘. กรุงเทพฯ : สำนักความสัมพันธ์
ระหว่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กลุ่มงานประชาสัมพันธ์สำนักงาน
รัฐมนตรี, ๒๕๕๔.
เศรษฐพัส สุวรรณแสนทวี. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและ
แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ CLT และแบบ TPR. วารสารการวัดผลการศึกษามหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปีที่ ๒๒
ฉบับพิเศษ : กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙.
สมบัติ คชสิทธิ์ และคณะ. การจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้กับผู้เรียนยุค THAILAND ๔.๐.
วารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) ปีที่ ๗ ฉบับที่ ๒
พฤษภาคม- สิงหาคม ๒๕๖๐.
สุชาดา โภชนสมบูรณ์. ผลของการสอนตามแนวการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารที่มีต่อทักษะ
ทางภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ ๕ โรงเรียนวัดยางสุทธาราม.
เขตบางกอกนอย กรุงเทพมหานคร, ๒๕๔๙.
อารีวรรณ เอี่ยมสะอาด. การจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในระดับประถมศึกษา.
วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ปีที่ ๑๐ ฉบับที่ ๑ มกราคม - มิถุนายน
๒๕๖๑.
Dubin, F and Elite, O. (๑๙๙๑). Course Design Developing Program and Materials for
Language Learning Fitthprinting. Cambridge University Press.
Krahnke, k. (๑๙๘๗). Approaches to Syllabus Design for Foreign Language Teaching.
New York: Prentice Hall.
York-Barr, J., Ghere, G., & Sommerness, J. Collaborative Teaching to Increase ELL
Student Learning : A three-Year Urban Elementary Case Study. Journal of
Education for Students Placed at Risk, ๑๒(๓), ๒๐๐๗ : ๓๑๗.