ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาความมีวินัยในตนเองของนักเรียน โดยใช้กลยุทธ์ “ WINAI MODEL ” โรงเรียนเทศบาล 5 (วัดหัวป้อมนอก)

ชื่อผลงาน : การพัฒนาความมีวินัยในตนเองของนักเรียน โดยใช้กลยุทธ์

“ WINAI MODEL ” โรงเรียนเทศบาล 5 (วัดหัวป้อมนอก)

จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2559 - 2560

ผู้รายงาน : นายสมชาติ เหลืองสะอาด

ผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนเทศบาล 5 (วัดหัวป้อมนอก)

ปีที่รายงาน : ปีการศึกษา 2559 - 2560

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับคุณภาพการพัฒนาความมีวินัยในตนเองของนักเรียน โดยใช้กลยุทธ์ “ WINAI MODEL” โรงเรียนเทศบาล 5 (วัดหัวป้อมนอก) หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559 - 2560 2) เพื่อศึกษาคุณลักษณะความมีวินัยในตนเองของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 5 (วัดหัวป้อมนอก) หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559 - 2560 3) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับสถานศึกษาของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 5 (วัดหัวป้อมนอก) หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559 - 2560 4) เพื่อศึกษาสมรรถนะสำคัญของนักเรียน ทั้ง 5 ด้าน ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเทศบาล 5 (วัดหัวป้อมนอก) หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559 – 2560 5) เพื่อศึกษาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน ทั้ง 8 ประการ ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเทศบาล 5 (วัดหัวป้อมนอก) หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559 – 2560 6) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ครู ผู้ปกครอง และเครือข่ายชุมชน โรงเรียนเทศบาล 5 (วัดหัวป้อมนอก) ต่อการพัฒนาความมีวินัยในตนเองของนักเรียน โดยใช้กลยุทธ์ “ WINAI MODEL ” หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559 - 2560

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้ ประกอบด้วย นักเรียน ปีการศึกษา 2559 จำนวน 1,128 คน ปีการศึกษา 2560 จำนวน 1,052 คน ครู ปีการศึกษา 2559 จำนวน 70 คน ปีการศึกษา 2560 จำนวน 73 คน ผู้ปกครอง ปีการศึกษา 2559 จำนวน 1,128 คน ปีการศึกษา 2560 จำนวน 1,052 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2559 และปีการศึกษา 2560 จำนวน 13 คน และเครือข่ายชุมชน ปีการศึกษา 2559 และปีการศึกษา 2560 จำนวน 15 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลรวมทั้งสิ้น 6 ฉบับ มีลักษณะเป็นแบบสอบถามที่มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 3 ฉบับ และเป็นแบบบันทึกผลการประเมินตามสภาพจริง จำนวน 3 ฉบับ มีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือทุกฉบับ ได้ค่าความเชื่อมั่นระหว่าง .97 - .99 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป SPSS for windows V.18

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพการพัฒนาความมีวินัยในตนเองของนักเรียนที่เกิดจากการใช้กลยุทธ์ “ WINAI MODEL ” โรงเรียนเทศบาล 5 (วัดหัวป้อมนอก) หลังการพัฒนา ตามความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และเครือข่ายชุมชน

ปีการศึกษา 2559 โดยรวมทุกกลุ่มผู้ประเมิน อยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็น รายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า กลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 3.80 , S.D. = 0.35) อยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ กลุ่มนักเรียน ( = 3.68 , S.D. = 0.54) อยู่ในระดับมาก และกลุ่มที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ กลุ่มเครือข่ายชุมชน ( = 3.59 , S.D. = 0.46) อยู่ในระดับมากเช่นกัน

ปีการศึกษา 2560 โดยรวมทุกกลุ่มผู้ประเมิน อยู่ในระดับมากที่สุด และเมื่อพิจารณาเป็น รายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า กลุ่มเครือข่ายชุมชน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.70 , S.D. = 0.46) อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ กลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ( = 4.62 , S.D. = 0.52) อยู่ในระดับมากที่สุด และกลุ่มที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ กลุ่มครู ( = 4.53 , S.D. = 0.42) อยู่ในระดับมากที่สุด เช่นกัน สอดคล้องตามสมมติฐาน

2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลคุณลักษณะความมีวินัยในตนเองของนักเรียนที่เกิดจากการใช้กลยุทธ์ “ WINAI MODEL ” โรงเรียนเทศบาล 5 (วัดหัวป้อมนอก) หลังการพัฒนา ตามความคิดเห็นของครู และผู้ปกครอง

ปีการศึกษา 2559 โดยรวมทั้งสองกลุ่มผู้ประเมิน อยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า กลุ่มครู มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 3.66 , S.D. = 0.67) อยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ กลุ่มผู้ปกครอง ( = 3.65 , S.D. = 0.68) อยู่ในระดับมากเช่นกัน

ปีการศึกษา 2560 โดยรวมทั้งสองกลุ่มผู้ประเมิน อยู่ในระดับมากที่สุด และเมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า ทั้งสองกลุ่ม คือ กลุ่มครูและกลุ่มผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยเท่ากัน ( = 4.53 , S.D. = 0.67 และ 0.64) อยู่ในระดับมากที่สุดเช่นกัน สอดคล้องตามสมมติฐาน

3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับสถานศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 โรงเรียนเทศบาล 5 (วัดหัวป้อมนอก) หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559 – 2560 พบว่า หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2560 มีค่าพัฒนาสูงกว่าปีการศึกษา 2559 เท่ากับ + 3.50 เมื่อพิจารณาจำแนกตามระดับชั้น พบว่า ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเฉลี่ยพัฒนาสูงสุด เท่ากับ + 5.24 รองลงมาได้แก่ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเฉลี่ยพัฒนา เท่ากับ + 4.56 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเฉลี่ยพัฒนาต่ำสุด เท่ากับ + 2.03 และเมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มสาระการเรียนรู้ พบว่า กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มีค่าเฉลี่ยพัฒนาสูงสุด เท่ากับ + 6.12 รองลงมาได้แก่ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เท่ากับ +5.29 และกลุ่มสาระ การเรียนรู้ศิลปะ มีค่าเฉลี่ยพัฒนาต่ำสุด เท่ากับ + 1.75 แสดงให้เห็นว่าสอดคล้องตามสมมติฐาน

4. ผลการประเมินสมรรถนะสำคัญของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 5 (วัดหัวป้อมนอก) ที่มีผลการประเมินระดับดีขึ้นไป หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559 - 2560 พบว่า สมรรถนะสำคัญของนักเรียนที่มีผลการประเมินระดับดีขึ้นไป หลังการพัฒนาทั้ง 2 ปีการศึกษา มีค่าเฉลี่ยร้อยละมากกว่า ร้อยละ 80 ทั้ง 5 สมรรถนะ และเมื่อพิจารณาค่าพัฒนา พบว่า สมรรถนะความสามารถในการสื่อสาร และสมรรถนะความสามารถในการใช้เทคโนโลยี มีค่าพัฒนาสูงสุด +3.36 เท่ากัน รองลงมาได้แก่ สมรรถนะความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต มีค่าพัฒนาเท่ากับ +3.25 ส่วนสมรรถนะความสามารถในการคิด มีค่าพัฒนาต่ำสุด +1.96 สอดคล้องตามสมมติฐาน

5. ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 5 (วัดหัวป้อมนอก) ที่มีผลการประเมินระดับดีขึ้นไป หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559 - 2560 พบว่า คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนที่มีผลการประเมินระดับดีขึ้นไป หลังการพัฒนา ทั้ง 2 ปีการศึกษา มีค่าเฉลี่ยร้อยละมากกว่า ร้อยละ 90 ทั้ง 8 ประการ โดยปีการศึกษา 2560 มีค่าเฉลี่ย ร้อยละสูงกว่าปีการศึกษา 2559 ทั้ง 8 ประการ และเมื่อพิจารณาค่าพัฒนา พบว่า คุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้านอยู่อย่างพอเพียง มีค่าพัฒนาสูงสุด +5.41 รองลงมาได้แก่ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้านมุ่งมั่นในการทำงาน +4.92 ส่วนคุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้านใฝ่เรียนรู้ มีค่าพัฒนาต่ำสุด +3.29 สอดคล้องตามสมมติฐาน

6. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความพึงพอใจของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ครู ผู้ปกครอง และเครือข่ายชุมชนในการพัฒนาความมีวินัยในตนเองของนักเรียน โดยใช้กลยุทธ์ “WINAI MODEL” โรงเรียนเทศบาล 5 (วัดหัวป้อมนอก) หลังการพัฒนา

ปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมินมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก โดยกลุ่มเครือข่ายชุมชน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 3.67 , S.D. = 0.56) อยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ กลุ่มผู้ปกครอง ( = 3.64 , S.D. = 0.58) อยู่ในระดับมาก และกลุ่มที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ครู ( = 3.52 , S.D. = 0.64) อยู่ในระดับมากเช่นกัน

ปีการศึกษา 2560 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมินมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด โดยกลุ่มผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.64 , S.D. = 0.49) อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ กลุ่มเครือข่ายชุมชน ( = 4.63 , S.D. = 0.62) อยู่ในระดับมากที่สุด และกลุ่มที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ กลุ่มครู ( = 4.55 , S.D. = 0.56) อยู่ในระดับมากที่สุดเช่นกัน สอดคล้องตามสมมติฐาน

ข้อเสนอแนะ

จากการวิจัยวิธีการวิจัยการพัฒนาความมีวินัยในตนเองของนักเรียน โดยใช้กลยุทธ์ “WINAI MODEL” โรงเรียนเทศบาล 5 (วัดหัวป้อมนอก) จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2559-2560 ครั้งนี้ทำให้ได้ค้นพบจุดเด่นของการมีแบบอย่างที่ดีซึ่งเป็นประโยชน์ และเป็นแนวทางในการพัฒนาความมีวินัยในตนเองของนักเรียนต่อไป

1. ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้

1.1 ด้านองค์ความรู้ สถานศึกษาควรให้ความรู้ และทำความเข้าใจกับนักเรียน ครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และเครือข่ายชุมชน เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ถึง แนวทางการพัฒนาความมีวินัยในตนเองของนักเรียน โดยใช้กลยุทธ์ “ WINAI MODEL ” ครอบคลุมวินัยในตนเอง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านความมีวินัยในการแสดงความเคารพ ด้านความมีวินัยในการรักษาความสะอาด ด้านความมีวินัยในการรักษาความเป็นระเบียบ และด้านความมีวินัยในการตรงต่อเวลา เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาความมีวินัยในตนเองของนักเรียนให้สอดคล้องกับภารกิจ และบทบาทหน้าที่ของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนการพัฒนาบรรยากาศ และสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการพัฒนาความมีวินัยในตนเองทั้งที่โรงเรียน บ้าน ชุมชน และสังคมที่เด็กได้อยู่อาศัย

1.2 ด้านการเป็นแบบอย่างที่ดีในส่วนของครู จะต้องเป็นครูต้นแบบที่เป็นแบบอย่างที่ดีของนักเรียนทั้งด้านการวางแผน และการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยบูรณาการการเรียนการสอนในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และส่งเสริมให้นักเรียนได้ปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน และมีการประเมินผลตามสภาพจริง เพื่อให้นักเรียนมีวินัยในตนเองสู่ความยั่งยืน

1.3 หลังการพัฒนาโรงเรียนควรมีการตรวจสอบพฤติกรรมหรือคุณลักษณะความมีวินัยในตนเองของนักเรียน อย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครั้ง เพื่อดูแนวโน้มความยั่งยืน หรือความคงทนถาวรของความมีวินัยในตนเอง และมีการทบทวนกิจกรรมต่างๆ เพื่อปรับปรุงพัฒนาให้สอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลงของชุมชน สังคม และนโยบายแห่งรัฐ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

2. ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป

2.1 ควรศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความมีวินัยในตนเองของนักเรียนสู่ความยั่งยืน

2.2 ควรศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความมีวินัยในตนเองของนักเรียนกับคุณภาพผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน

2.3 ควรศึกษาผลกระทบของความมีวินัยในตนเองของนักเรียนที่มีต่อชุมชน และสังคมโดยรอบสถานศึกษา

โพสต์โดย Somchart : [18 ก.พ. 2562 เวลา 20:14 น.]
อ่าน [3973] ไอพี : 171.7.236.110
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 36,038 ครั้ง
แผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2559 สพฐ.
แผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2559 สพฐ.

เปิดอ่าน 13,293 ครั้ง
เคล็ดลับ : กลิ่นมะนาวช่วยลด"เครียด"
เคล็ดลับ : กลิ่นมะนาวช่วยลด"เครียด"

เปิดอ่าน 15,991 ครั้ง
Gen Y วายร้ายจริงหรือ (จบ)
Gen Y วายร้ายจริงหรือ (จบ)

เปิดอ่าน 12,464 ครั้ง
"มัสมั่น"ของไทยคว้าแชมป์จานอร่อยจาก 50 อันดับเมนูเด็ดทั่วโลก
"มัสมั่น"ของไทยคว้าแชมป์จานอร่อยจาก 50 อันดับเมนูเด็ดทั่วโลก

เปิดอ่าน 12,371 ครั้ง
12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน
12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน

เปิดอ่าน 7,490 ครั้ง
เข้าใจนวัตกรรม การศึกษาฟินแลนด์
เข้าใจนวัตกรรม การศึกษาฟินแลนด์

เปิดอ่าน 8,029 ครั้ง
หนี้การศึกษา
หนี้การศึกษา

เปิดอ่าน 20,695 ครั้ง
ประวัติจังหวัดอำนาจเจริญ
ประวัติจังหวัดอำนาจเจริญ

เปิดอ่าน 165,794 ครั้ง
กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการเลื่อนขั้นเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2550
กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการเลื่อนขั้นเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2550

เปิดอ่าน 13,232 ครั้ง
"มัลเบอร์รี่" ผลไม้สุดเทรนดี้ ประจำปี 2013
"มัลเบอร์รี่" ผลไม้สุดเทรนดี้ ประจำปี 2013

เปิดอ่าน 16,491 ครั้ง
หมอชี้ "มะเร็งตับอ่อน" ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ก็เป็นได้ แนะ 5 ทำ 5 ไม่
หมอชี้ "มะเร็งตับอ่อน" ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ก็เป็นได้ แนะ 5 ทำ 5 ไม่

เปิดอ่าน 42,663 ครั้ง
การแต่งเครื่องแบบและการประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์
การแต่งเครื่องแบบและการประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์

เปิดอ่าน 28,412 ครั้ง
9 อาการป่วยเพราะน้ำ(ในตัว) ขึ้น-ลง
9 อาการป่วยเพราะน้ำ(ในตัว) ขึ้น-ลง

เปิดอ่าน 104,474 ครั้ง
เทคนิคเดลฟาย (Delphi technique)
เทคนิคเดลฟาย (Delphi technique)

เปิดอ่าน 59,716 ครั้ง
การเขียนรายงาน
การเขียนรายงาน

เปิดอ่าน 11,428 ครั้ง
ตำแหน่ง "สิว" บอกสุขภาพ
ตำแหน่ง "สิว" บอกสุขภาพ
เปิดอ่าน 20,639 ครั้ง
สรรพคุณทางยาของ "ผักหวานบ้าน"
สรรพคุณทางยาของ "ผักหวานบ้าน"
เปิดอ่าน 38,371 ครั้ง
สังคหวัตถุ 4
สังคหวัตถุ 4
เปิดอ่าน 14,550 ครั้ง
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการบริหารเงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู พ.ศ. 2558
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการบริหารเงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู พ.ศ. 2558
เปิดอ่าน 10,394 ครั้ง
เมื่อไหร่ควรพูด และเมื่อไหร่ควรเงียบ
เมื่อไหร่ควรพูด และเมื่อไหร่ควรเงียบ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ