ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาชุดฝึกทักษะการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาความพร้อมทางคณิตศาสตร์
ของเด็กปฐมวัย โดยใช้วิธีการสอนแบบเรียนปนเล่น
ผู้วิจัย นางสาวสิริวรรณ ภูมิ
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชำนาญการ
บทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยในครั้งนี้เป็นการพัฒนาชุดฝึกทักษะการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาความพร้อมทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย โดยใช้วิธีการสอนแบบเรียนปนเล่น มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแผนการจัดประสบการณ์คณิตศาสตร์ของปฐมวัย โดยใช้วิธีการสอนแบบเรียนปนเล่น และเพื่อศึกษาผลการใช้แผนการจัดประสบการณ์คณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย โดยใช้วิธีการสอนแบบเรียนปนเล่น กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นปฐมวัย โรงเรียน อบจ. เมืองภูเก็ต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต กองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 38 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือในการวิจัย คือ แบบทดสอบวัดความสามารถเพื่อพัฒนาความพร้อมทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย โดยใช้วิธีการสอนแบบเรียนปนเล่น จำนวน 10 ข้อ และแผนการสอนตามแนวทฤษฎีวิธีการสอนแบบเรียนปนเล่น จำนวน 6 แผน สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลใช้การหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที
ผู้ศึกษาได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยนำแผนการจัดประสบการณ์คณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย โดยใช้วิธีการสอนแบบเรียนปนเล่น ไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้กับนักเรียน โดยดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเองในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 ซึ่งได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นเวลาติดกัน 18 ครั้ง จำนวน 4 สัปดาห์ โดยใช้เวลาในการจัดกิจกรรมครั้งละ 50 นาที และในระหว่างจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้ศึกษาพร้อมผู้ร่วมสังเกตอีก 2 ท่าน ได้สังเกต พร้อมบันทึกรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมของนักเรียนขณะร่วมปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้วิธีการสอนแบบเรียนปนเล่น พร้อมกันไปด้วย โดยใช้แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น และหลังจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ครบทุกแผนการจัดประสบการณ์แล้ว ผู้ศึกษาได้ใช้แบบทดสอบความพร้อมทางคณิตศาสตร์ ไปประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียน และนำผลไปวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ส่วนการสังเกตพฤติกรรม วิเคราะห์โดยการสรุปและบรรยาย และนำเสนอในรูปตารางประกอบการบรรยาย
ผลการศึกษาครั้งนี้สรุปได้ดังนี้
1. ได้แผนการจัดประสบการณ์คณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย เพื่อพัฒนาความพร้อมทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย 6 แผน
2. นักเรียนทุกคนมีความพร้อมทางคณิตศาสตร์ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70.00 โดยมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 84.65
3. ผลการสังเกตพฤติกรรมขณะปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน ทั้ง 5 ด้าน พบว่านักเรียนส่วนมากสนใจและมีความกระตือรือร้นในการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้เป็นอย่างดี รวมทั้งสามารถใช้การสังเกตและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ได้ และทำแบบฝึกทักษะได้ดีขึ้นตามลำดับ แม้ว่าจะมีนักเรียนเพียงส่วนน้อยที่ยังต้องคอยให้ครูชี้แนะ แต่ก็สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดีขึ้นตามลำดับ นักเรียนส่วนมากยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น มีการรอคอย และการแบ่งปัน การช่วยเหลือเพื่อนขณะที่ปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียนทุกคนมีความสุขสนุกสนานเพลิดเพลินขณะปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ สามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ ได้ดี และหลังเลิกเล่น นักเรียนสามารถเก็บวัสดุอุปกรณ์ส่งครูได้อย่างถูกต้อง และเป็นระเบียบเรียบร้อย