ชื่องานวิจัย รายงานผลการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเรื่องมหัศจรรย์น้ำสมุนไพรสำหรับ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การเรียนการสอนแบบร่วมมือเทคนิค STAD
และเทคนิค TGT ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดเชิงวิพากษ์วิจารณ์ของ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีเพศต่างกัน
ชื่อผู้วิจัย นางสาวนุกูล วีระประภพ
ปีที่วิจัย ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยียังขาดสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสมสำหรับส่งเสริมให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้เนื้อหาวิชาและเกิดทักษะกระบวนการในการปฏิบัติงาน ทำให้ผู้เรียนขาดการคิดวิเคราะห์และพิจารณาไตร่ตรองในการวางแผนการทำงาน จึงทำให้การเรียนการสอนไม่บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ การวิจัยครั้งนี้จึงมีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน และเปรียบเทียบผลการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนโดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD และเทคนิค TGT เรื่อง มหัศจรรย์น้ำสมุนไพร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และการคิดเชิงวิพากษ์วิจารณ์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีเพศต่างกัน จำนวน 117 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวมรวมข้อมูล ได้แก่ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง มหัศจรรย์น้ำสมุนไพร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD และใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค TGT จำนวนกลุ่มละ 6 แผน แผนละ 2 ชั่วโมง เป็นเวลา 6 สัปดาห์ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง มหัศจรรย์ น้ำสมุนไพร จำนวน 40 ข้อ และแบบทดสอบวัดการคิดเชิงวิพากษ์วิจารณ์จำนวน 5 ด้าน 54 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test , F-test (Two-way ANCOVA และ Two-way MANCOVA)
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง มหัศจรรย์น้ำสมุนไพร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.93/82.89 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดคือ 80/80
2. ดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง มหัศจรรย์น้ำสมุนไพร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเท่ากับ 0.7015 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียน คิดเป็นร้อยละ 70.15
3. นักเรียนโดยส่วนรวม นักเรียนชายและนักเรียนหญิงที่เรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอนโดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD และเทคนิค TGT มีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและคะแนนเฉลี่ยการคิดเชิงวิพากษ์วิจารณ์หลังเรียนโดยรวมและรายด้าน 5 ด้านเพิ่มขึ้นจากก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนที่มีเพศต่างกันและเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนแบบร่วมมือต่างกันมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน และการคิดเชิงวิพากษ์วิจารณ์โดยรวมและเป็นราย 5 ด้าน ไม่แตกต่างกันและไม่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพศและรูปแบบการเรียนต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดเชิงวิพากษ์วิจารณ์
5. นักเรียนโดยส่วนรวม นักเรียนชาย นักเรียนหญิง ที่เรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง มหัศจรรย์น้ำสมุนไพร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD และเทคนิค TGT มีความคงทนในการเรียนรู้ไม่แตกต่างกัน
โดยสรุป บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง มหัศจรรย์น้ำสมุนไพร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD และเทคนิค TGT มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเหมาะสม สามารถทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การคิดเชิงวิพากษ์วิจารณ์ ความคงทนในการเรียนรู้ไม่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรสนับสนุนและส่งเสริมให้ครูทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้จัดการเรียนการสอนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่ใช้เทคนิคการร่วมมือดังกล่าว