ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
มาเรียนรู้ทศนิยมกันเถอะ

ชื่อวิจัย การพัฒนาชุดการเรียนคณิตศาสตร์ “ มาเรียนรู้ทศนิยมกันเถอะ ” โดยใช้การเรียนรู้ แบบร่วมมือเทคนิคแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (STAD) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิด

ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

ผู้วิจัย นางสาวเจตสริน ชูศรี

ปีการศึกษา 2560

บทคัดย่อ

การพัฒนาชุดการเรียนคณิตศาสตร์ “มาเรียนรู้ทศนิยมกันเถอะ” โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (STAD) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิด ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นการวิจัยและพัฒนามีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลวัดใหญ่ (2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของชุดการเรียนคณิตศาสตร์ “มาเรียนรู้ทศนิยมกันเถอะ” โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (STAD) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 (3) เพื่อทดลองใช้และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการเรียนด้วยชุดการเรียนคณิตศาสตร์ “มาเรียนรู้ทศนิยมกันเถอะ” โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (STAD) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และ (4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดการเรียนคณิตศาสตร์ “มาเรียนรู้ทศนิยมกันเถอะ” โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (STAD) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยศึกษากลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนเทศบาลวัดใหญ่ จำนวน 37 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random sampling) โดยจัดนักเรียนคละความสามารถ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ (1) ชุดการเรียนคณิตศาสตร์ “มาเรียนรู้ทศนิยมกันเถอะ” ซึ่งผู้วิจัยได้สร้างและพัฒนาขึ้น จำนวน 3 ชุดการเรียน (2) แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการเรียนด้วยชุดการเรียนคณิตศาสตร์ “มาเรียนรู้ทศนิยมกันเถอะ” โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (STAD) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 24 แผน เวลา 24 ชั่วโมง (3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการเรียนด้วยชุดการเรียนคณิตศาสตร์ “มาเรียนรู้ทศนิยมกันเถอะ” โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (STAD) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 50 ข้อ (4) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อชุดการเรียนคณิตศาสตร์ “มาเรียนรู้ทศนิยมกันเถอะ” โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (STAD) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 18 ข้อ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย ( ) ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบที (t - test)

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาสภาพปัญหาของการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลวัดใหญ่ พบว่า นักเรียนขาดทักษะทางคณิตศาสตร์ และมีความรู้พื้นฐานในระดับต่ำ ไม่สามารถค้นพบหรือสรุปกฎเกณฑ์เองได้ และไม่เข้าใจเนื้อหาอย่างแท้จริง ส่งผลให้เกิดปัญหาตามมาคือ (1) ผลสัมฤทธิ์ต่ำกว่าเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนดคือร้อยละ 75 (2) นักเรียนขาดความสนใจ หรือมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์ (3) นักเรียนคิดและแก้ปัญหาโจทย์ไม่เป็น คิดช้า เพราะขาดการฝึกฝน โดยเฉพาะเรื่องทศนิยม และการบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม (4) ขาดทักษะการแก้ปัญหาด้วยตนเอง และขาดทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น (5) สื่อการสอนที่นำมาใช้ ไม่สามารถตอบโจทย์ของปัญหาได้ เพราะไม่ตรงประเด็นตามตัวชี้วัด

2. ชุดการเรียนคณิตศาสตร์ “มาเรียนรู้ทศนิยมกันเถอะ” โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (STAD) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ 84.45/85.05 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด (80/80)

3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนด้วยชุดการเรียนคณิตศาสตร์ “มาเรียนรู้ทศนิยมกันเถอะ” โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (STAD) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อชุดการเรียนคณิตศาสตร์ “มาเรียนรู้ทศนิยมกันเถอะ” โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (STAD) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด

โพสต์โดย somjit : [6 ก.พ. 2562 เวลา 18:47 น.]
อ่าน [3311] ไอพี : 1.47.103.70
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 10,075 ครั้ง
ใช้ฟุตบอลเป็นยา กระตุ้นฟื้นความทรงจำคนไข้สมองเสื่อม
ใช้ฟุตบอลเป็นยา กระตุ้นฟื้นความทรงจำคนไข้สมองเสื่อม

เปิดอ่าน 41,239 ครั้ง
ประโยชน์ของว่านหางจระเข้
ประโยชน์ของว่านหางจระเข้

เปิดอ่าน 13,770 ครั้ง
การประเมินวิทยฐานะช่วงเปลี่ยนผ่านจากเกณฑ์เก่าสู่ระบบ PA (ตำแหน่งครู)
การประเมินวิทยฐานะช่วงเปลี่ยนผ่านจากเกณฑ์เก่าสู่ระบบ PA (ตำแหน่งครู)

เปิดอ่าน 14,888 ครั้ง
เจ้านายจู้จี้ ขี้บ่น ทำยังไงดี
เจ้านายจู้จี้ ขี้บ่น ทำยังไงดี

เปิดอ่าน 11,248 ครั้ง
ครูอินเดีย ลุยน้ำไปสอนหนังสือเด็กนานกว่า 20 ปี
ครูอินเดีย ลุยน้ำไปสอนหนังสือเด็กนานกว่า 20 ปี

เปิดอ่าน 31,489 ครั้ง
ปิแอร์ เดอ แฟร์มาต์ นัก คณิตศาสตร์
ปิแอร์ เดอ แฟร์มาต์ นัก คณิตศาสตร์

เปิดอ่าน 34,270 ครั้ง
พู่กันของสง่า มะยุระ รู้ไหมว่าท่านคือใคร
พู่กันของสง่า มะยุระ รู้ไหมว่าท่านคือใคร

เปิดอ่าน 22,906 ครั้ง
รับชมหรือยัง? แกะรอย "มาเฟีย ศธ." เงามืด "ปฏิรูปวงการศึกษา"
รับชมหรือยัง? แกะรอย "มาเฟีย ศธ." เงามืด "ปฏิรูปวงการศึกษา"

เปิดอ่าน 17,108 ครั้ง
นักฟิสิกส์อินเดีย ชี้มีวิธีค้นหา ‘รูหนอน’
นักฟิสิกส์อินเดีย ชี้มีวิธีค้นหา ‘รูหนอน’

เปิดอ่าน 22,390 ครั้ง
วิจัยพบ "สารสกัดสาหร่ายพวงองุ่น" ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
วิจัยพบ "สารสกัดสาหร่ายพวงองุ่น" ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด

เปิดอ่าน 19,947 ครั้ง
โรคของเส้นผม ขน และเล็บ
โรคของเส้นผม ขน และเล็บ

เปิดอ่าน 20,537 ครั้ง
"แก่นตะวัน" สุดยอดพืชมหัศจรรย์สารพัดประโยชน์
"แก่นตะวัน" สุดยอดพืชมหัศจรรย์สารพัดประโยชน์

เปิดอ่าน 34,047 ครั้ง
ภาวะเด็กอ้วน น้ำหนักเกิน ภัยร้ายที่คุณไม่ควรประมาท
ภาวะเด็กอ้วน น้ำหนักเกิน ภัยร้ายที่คุณไม่ควรประมาท

เปิดอ่าน 13,633 ครั้ง
กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ. ๒๕๕๕
กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ. ๒๕๕๕

เปิดอ่าน 8,024 ครั้ง
อินเนอร์มาเต็ม! ครูไทยแต่งเพลง "ค่านิยม12ประการ" ถ้าไม่ทำจะท่องทำไม!? (คลิป)
อินเนอร์มาเต็ม! ครูไทยแต่งเพลง "ค่านิยม12ประการ" ถ้าไม่ทำจะท่องทำไม!? (คลิป)

เปิดอ่าน 13,693 ครั้ง
ทำโยคะบนใบหน้าตนเอง เพื่อใบหน้าเต่งตึง
ทำโยคะบนใบหน้าตนเอง เพื่อใบหน้าเต่งตึง
เปิดอ่าน 17,723 ครั้ง
ชื่นฉ่ำกับผลไม้ประจำฤดูกาล
ชื่นฉ่ำกับผลไม้ประจำฤดูกาล
เปิดอ่าน 9,424 ครั้ง
ออกกำลังหนักช่วงสั้นๆ หนีโรคหัวใจได้ดีกว่าออกกำลังระยะยาว
ออกกำลังหนักช่วงสั้นๆ หนีโรคหัวใจได้ดีกว่าออกกำลังระยะยาว
เปิดอ่าน 13,140 ครั้ง
หวิดโดนรถทับ สาวลืมดึงเบรคมือ
หวิดโดนรถทับ สาวลืมดึงเบรคมือ
เปิดอ่าน 12,250 ครั้ง
ท็อป 10 ยอดศิลปินของตลาดโลก
ท็อป 10 ยอดศิลปินของตลาดโลก

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ