ชื่อผลงานทางวิชาการ รายงานการประเมิน โครงการพัฒนางานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน เพื่อ
นำเสนอแบบปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice)กิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการ
อนุรักษ์พันธุกรรมพืชโรงเรียนละหานทรายรัชดาภิเษก อำเภอละหานทราย
จังหวัดบุรีรัมย์ โดยแบบจำลอง CIPP Model
ผู้รายงาน นางลักษมี พายุหะ รองผู้อำนวยการโรงเรียนละหานทรายรัชดาภิเษก
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 จังหวัดบุรีรัมย์
ปีที่รายงาน 2559
บทคัดย่อ
การนำเสนอผลงานทางวิชาการ เรื่อง การประเมินโครงการพัฒนางานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน เพื่อนำเสนอแบบปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice).กิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช โรงเรียนละหานทรายรัชดาภิเษก อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ โดยแบบจำลอง CIPP Model ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1.ประเมินโครงการพัฒนางานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน กิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
2. หาแนวทางการส่งเสริมการจัดกิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรม โครงการพัฒนางานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
3.นำเสนอแบบปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) โครงการพัฒนางานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน กิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
กลุ่มเป้าหมายของประชากรในการประเมินโครงการ จำนวน 779 คน การหาแนวทางส่งเสริมการจัดกิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรม โครงการพัฒนางานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โดยการสัมภาษณ์จำนวน 15 คน โดยวิธีสนทนากลุ่ม จำนวน 13 คนและกลุ่มเป้าหมายในการหาแบบปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) จำนวน 23 คน เครื่องมือที่ใช้การประเมิน ได้แก่ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการประเมิน
1.ด้านบริบท โครงการพัฒนางานพฤกษศาสตร์โรงเรียนกำหนดวัตถุประสงค์สอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และของโรงเรียนมีค่าเฉลี่ยลำดับหนึ่ง รองลงมาคือ ผู้ปกครองนักเรียนและชุมชนให้การสนับสนุนการดำเนินงานโครงการพัฒนางานพฤกษศาสตร์โรงเรียน กิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชของโรงเรียน ส่วนโรงเรียนมีกิจกรรมให้ความรู้ ความเข้าใจในการดำเนินกิจกรรมตามโครงการ มีค่าเฉลี่ยลำดับสุดท้าย
2. ด้านปัจจัยนำเข้า บุคลากรที่รับผิดชอบโครงการพัฒนางานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน กิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช มีจำนวนเพียงพอ และบุคลากรรับผิดชอบโครงการมีความรู้ความเข้าใจในการดำเนินงานโครงการพัฒนางานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน กิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช มีค่าเฉลี่ยเท่ากันลำดับหนึ่ง รองลงมาคือ รูปแบบของการจัดกิจกรรมตามโครงการพัฒนางานพฤกษศาสตร์โรงเรียน กิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ส่วนการประชาสัมพันธ์และการเผยแพร่การดำเนินโครงการ มีค่าเฉลี่ยลำดับสุดท้าย
3. ด้านกระบวนการ วัสดุ อุปกรณ์การจัดอบรมมีเพียงพอและระยะเวลาจัดอบรมเหมาะสม มีค่าเฉลี่ยลำดับหนึ่ง รองลงมามี 2 ข้อคือ กิจกรรมอบรมครูมีการพัฒนาครูให้มีความรู้ความเข้าใจงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน และกิจกรรมค่ายสวนพฤกษศาสตร์มีความเหมาะสมด้านอาคารสถานที่ ส่วน มีการนำผลการประเมินมาปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีค่าเฉลี่ยลำดับสุดท้าย
4. ด้านผลผลิต นักเรียนมีความเพียร ในการเรียนรู้พืชศึกษาตามลำดับขั้นตอนจนเห็นศักยภาพ เพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ มีค่าเฉลี่ยลำดับหนึ่ง รองลงมามี ค่าเฉลี่ยเท่ากัน 4 ข้อ คือ นักเรียนมีความสุขกับการศึกษาพืชพรรณไม้และธรรมชาติรอบตัว นักเรียนมีความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนเบิกบานและไม่ก้าวร้าว นักเรียนดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น และนักเรียนใช้ทรัพยากร เช่น น้ำ ไฟฟ้า อย่างประหยัด ส่วนนักเรียนได้เรียนรู้การสำรวจพรรณไม้ชนิดต่างๆ มีค่าเฉลี่ยลำดับสุดท้าย ด้านผลกระทบ นักเรียนส่วนใหญ่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียน มีคุณธรรมจริยธรรมมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช และสามารถนำความรู้ที่ได้จากโครงการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้อื่นในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช มีเพียงบางส่วนที่ปฏิบัติตามกิจกรรมแต่ยังไม่เข้าใจประโยชน์ที่จะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ และชุมชนให้การยอมรับนักเรียน และโรงเรียนละหานทรายรัชดาภิเษกเป็นอย่างดี อีกทั้งยังเข้าใจถึงความสำคัญของโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นโครงการที่มีความสำคัญต่อการรักษาพืชท้องถิ่นในประเทศไทยให้คงอยู่ตลอดไป
ผลการสัมภาษณ์ พบว่า ควรมีการดำเนินการโครงการนี้ต่อไปในการปลูกจิตสำนึกที่ดี และเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมให้กับบุตรหลานในชุมชนต่อไป การจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้ใกล้ชิดกับพืชพรรณไม้ที่นักเรียนสนใจศึกษา จะเกิดความรู้สึกหวงแหนและเห็นคุณค่าของพืชพรรณนั้น เกิดความรักอยากอนุรักษ์พันธุ์พืชที่มีอยู่แล้วไว้ให้คงอยู่ตลอดไป เด็กจะไม่เด็ด ไม่หัก ไม่ตัด ทำลาย แต่จะสัมผัส สังเกตที่จะศึกษาเรียนรู้คุณค่า ได้ความรู้จากของจริงทำให้จดจำได้ดีกว่าการอ่านจากหนังสือ การศึกษาลักษณะทางพฤกษศาสตร์โดยครูเสริมแรงจูงใจให้นักเรียนสนใจศึกษาอย่างใส่ใจรายละเอียด ตั้งแต่ ราก ลำต้น ใบ ดอก ผลและเมล็ด ทำให้นักเรียนเกิดความผูกพัน และเห็นคุณค่า การหาข้อมูลของพรรณไม้ ทำให้นักเรียนได้ทราบถึงประโยชน์ของพืช การค้นคว้าด้วยตนเอง เช่น จากบุคคล จากเอกสาร จากอินเตอร์เน็ต ทำให้นักเรียนจดจำได้ดีกว่าการเรียนรู้จากการบอกเล่าของครู การจัดการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกิจกรรมการเรียนรู้สวนพฤกษศาสตร์ กับกลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง 8 กลุ่มสาระไปพร้อมกัน ช่วยให้นักเรียนไม่เครียด ไม่กังวลการเรียนรู้ในสาระวิชาหลัก แต่ทำให้นักเรียนได้คลุกคลี สัมผัส และมีจิตใจอ่อนโยน เบิกบาน มีความรู้ความเข้าใจ สรรพคุณ รู้คุณค่า และประโยชน์ของพืช จะช่วยส่งเสริมให้นักเรียนเอาใจใส่ดูแลพรรณไม้ที่นำเข้ามาปลูก
การปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) โครงการพัฒนางานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ต้องใช้กระบวนการเก็บข้อมูลตามลำดับ โดยเริ่มจากการ สำรวจ รวบรวมประเด็นปัญหาจากการ ใช้ข้อคำถามถามที่สรุปผลจากแบบสอบถามบุคลากรที่เกี่ยวข้อง มาเป็นประเด็นข้อคำถามการสัมภาษณ์,นำประเด็นคำตอบมาวิเคราะห์แนวทาง ส่งเสริมและปรับปรุง ,รวบรวมประเด็นปัญหาที่ได้จากการสัมภาษณ์ที่ต้องส่งเสริมและที่ต้องปรับปรุงเก็บเป็นข้อมูล ,จัดทำ web site ข้อมูลสารสนเทศ, ประชุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเลือกแนวทางส่งเสริมและปรับปรุง, ทำแผนกลยุทธ์ กำหนดตัวชี้วัด และ ค่าเป้าหมายผลสำเร็จจากการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย, ชี้แจงแผนการดำเนินกิจกรรมตามโครงการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ,แต่งตั้งผู้รับผิดชอบพร้อมกำหนดบทบาทหน้าที่ให้ชัดเจน, ให้ความรู้ความเข้าใจแนวปฏิบัติที่ถูกต้อง, นำแนวทางส่งเสริมและปรับปรุงไปสู่การปฏิบัติ ดำเนินการควบคุม ติดตามตรวจสอบ วัดผล ประเมินผล,จัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ลึก เข้มข้นด้านวิชาการ พัฒนาทักษะและคุณธรรมให้ครูและ นักเรียน, นักเรียนมีความรู้ลึกในสาระวิชา มีคุณธรรม เกิดทักษะการสร้างนวัตกรรมได้หลากหลาย