ชื่องานประเมิน : โครงการพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนของนักเรียน โรงเรียนบ้านราไว
ชื่อผู้ประเมิน : นายสุนันท์ เหร็มดี
ชื่อหน่วยงาน : โรงเรียนบ้านราไว สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล
ปีการศึกษา : 2560
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
รายงานการประเมินโครงการพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนของนักเรียน โรงเรียนบ้านราไว สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล มีวัตถุประสงค์ของการประเมิน 1. เพื่อประเมินสภาพแวดล้อมของโครงการพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนของนักเรียน โรงเรียนบ้านราไว 2. เพื่อประเมินความพร้อมปัจจัยนำเข้า ของโครงการพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนของนักเรียน โรงเรียนบ้านราไว 3. เพื่อประเมินกระบวนการดำเนินการของโครงการพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนของนักเรียน โรงเรียนบ้านราไว 4. เพื่อประเมินผลผลิตของโครงการพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนของนักเรียน โรงเรียน บ้านราไว 4.1 ผลที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการตามความคิดเห็นของนักเรียน โรงเรียนบ้านราไว 4.2 ความพึงพอใจในการจัดกิจกรรม 5 กิจกรรมของนักเรียน โรงเรียนบ้านราไว และ 4.3 ความพึงพอใจในการดำเนินโครงการพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนของนักเรียน โรงเรียนบ้านราไว ตามความคิดเห็นของครู กรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและผู้ปกครองนักเรียน ผู้ให้ข้อมูลได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง ประกอบด้วย ครู 12 คน กรรมการสถานศึกษา 7 คน นักเรียน 64 คน และผู้ปกครอง 64 คน เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประกอบด้วย แบบสอบถาม 6 ฉบับ เป็นแบบประเมินค่า 5 ระดับ สอบถามเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม ปัจจัย กระบวนการ และผลผลิตของโครงการ มีค่าความเชื่อมั่นระหว่าง 0.873 0.948 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าความตรง (IOC) และค่าความเชื่อมั่น (Reliability)
ผลการประเมิน
1. สภาพแวดล้อมของโครงการพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนของนักเรียน โรงเรียนบ้านราไวตามความคิดเห็นของครูและกรรมการสถานศึกษา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.54, S.D. = 0.14) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ทุกข้ออยู่ในระดับมากที่สุดเช่นเดียวกัน เว้นข้อโครงการสอดคล้องกับนโยบายและแผนงานของต้นสังกัด และข้อวัตถุประสงค์ของโครงการพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนอย่างชัดเจน อยู่ในระดับมาก ( = 3.68 S.D. = 0.74) และ ( = 3.52 S.D. = 0.69) ตามลำดับ
2. ปัจจัยนำเข้าของโครงการพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนของนักเรียน โรงเรียนบ้านราไว ตามความคิดเห็นของครู และกรรมการสถานศึกษา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.00 S.D. = 0.19) เมื่อพิจารณาเป็นรายองค์ประกอบ พบว่า ทุกองค์ประกอบอยู่ในระดับมากเช่นเดียวกัน เว้นองค์ประกอบความพร้อมของบุคลากรอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.74, S.D. = 0.52) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อครูเห็นความสำคัญของการอ่าน และการเขียนว่ามีผลต่อการพัฒนาคุณภาพนักเรียน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.84, S.D. = 0.50) และข้องบประมาณที่โรงเรียนจัดสรรเพื่อจัดซื้อหนังสือ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( = 3.36, S.D. = 0.59)
3. กระบวนการโครงการพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนของนักเรียน โรงเรียนบ้านราไว ตามความคิดเห็นของครู และกรรมการสถานศึกษา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.20, S.D. = 0.19) เมื่อพิจารณาเป็นองค์ประกอบ พบว่า ทุกองค์ประกอบอยู่ในระดับมากเช่นเดียวกัน โดยองค์ประกอบด้านการวางแผนมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.44, S.D. = 0.22) องค์ประกอบด้านการติดตามผล มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( = 3.69, S.D. = 0.20) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อมีการประชุมวางแผนและประชาสัมพันธ์แผนงานโครงการให้นักเรียน ผู้ปกครอง และกรรมการสถานศึกษาได้รับทราบ และข้อมีการแบ่งหน้าที่ผู้รับผิดชอบแต่ละกิจกรรมมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.78, S.D. = 0.41) ข้อมีการประชุมนำปัญหาต่าง ๆ มาวางแผนการดำเนินโครงการ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( = 3.52, S.D. = 0.84)
4. ผลผลิตของโครงการพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนของนักเรียน โรงเรียนบ้านราไว ตามความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง มีดังนี้
4.1 นักเรียนมีความคิดเห็นต่อการเข้าร่วมโครงการ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.64, S.D. = 0.24) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ทุกข้ออยู่ในระดับมากเช่นเดียวกัน เว้นข้อนักเรียนเห็นความสำคัญในการอ่านและการเขียนหนังสือ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.73, S.D. = 0.44) ข้อนักเรียนนำความรู้ที่ได้รับจากการอ่าน และการเขียนไปเผยแพร่ในรูปแบบต่าง ๆ อย่างสร้างสรรค์ ข้อนักเรียนยืมหนังสือจากห้องสมุดในโรงเรียน หรือแหล่งความรู้ต่าง ๆ ไปอ่านที่บ้าน ข้อนักเรียนจะรู้สึกหงุดหงิด เมื่อมีใครมาขัดจังหวะการอ่านและการเขียนหนังสือ และข้อนักเรียนชอบที่จะได้รับรางวัลเป็นหนังสือมากกว่าอย่างอื่น อยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.28, S.D. = 0.45) , ( = 2.70, S.D. = 1.01) , ( = 2.90, S.D. = 0.86) และ ( = 3.82, S.D. = 0.57) ตามลำดับ
4.2 นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรม โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก ( = 3.79, S.D. = 0.20) เมื่อพิจารณาเป็นรายกิจกรรม พบว่า กิจกรรมวางทุกงาน อ่านทุกคน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 3.96, S.D. = 0.26) กิจกรรมเรียงร้อยถ้อยคำตามจินตนาการ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( = 3.62, S.D. = 0.37)
4.3 ครู กรรมการสถานศึกษา และผู้ปกครองมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมตามโครงการพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.42, S.D. = 0.54) เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มพบว่า ครูมีความพึงพอใจ โดยมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.47, S.D. = 0.52) รองลงมา ผู้ปกครองและกรรมการสถานศึกษา มีค่าเฉลี่ยเท่ากัน ( = 4.41, S.D. = 0.54), ( = 4.41, S.D. = 0.64) ตามลำดับ เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อของแต่ละกลุ่มของผู้ตอบพบว่า กลุ่มครูข้อนักเรียนอ่านและเขียนหนังสืออย่างตั้งใจ ค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.75, S.D. = 0.45) และข้อนักเรียนอ่านหนังสือหลายชนิดและนักเรียนหาเวลาเพ่ออ่านหนังสือและฝึกเขียนในรูปแบบต่างต่าง ๆ เป็นประจำ ค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( = 4.16, S.D. = 0.71) สำหรับกลุ่มของกรรมการสถานศึกษา ข้อนักเรียนอ่านและเขียนหนังสืออย่างตั้งใจ ค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.71, S.D. = 0.48) และข้อนักเรียนศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมโดยการอ่านหนังสือจากสื่อ สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ และ ฝึกเขียนเรื่องราวจากสิ่งที่อ่าน ค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( = 4.14, S.D. = 0.69) ในส่วนของกลุ่มผู้ปกครอง มีความเห็นตรงกับครูและกรรมการสถานศึกษา โดยข้อที่นักเรียนอ่านและเขียนหนังสืออย่างตั้งใจ ค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.75, S.D. = 0.45) และข้อนักเรียนศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมโดยการอ่านหนังสือจากสื่อ สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ และ ฝึกเขียนเรื่องราวจากสิ่งที่อ่าน ค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( = 4.14, S.D. = 0.69)
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะในการนำผลการประเมินไปใช้
1. ด้านสภาพแวดล้อม นำผลการประเมินโครงการไปสร้างความตระหนักให้แก่บุคลากรในโรงเรียน นักเรียน ผู้ปกครองและชุมชนให้เห็นความสำคัญของโครงการ วัตถุประสงค์ของโครงการให้มีความสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการอ่านออก เขียนได้ของต้นสังกัด โดยการจัดอบรม สัมมนา ศึกษาดูงาน และประชาสัมพันธ์เพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือกับทุกฝ่าย
2. ด้านปัจจัยนำเข้าของโครงการควรส่งเสริมและเพิ่มงบประมาณเพื่อจัดหาหนังสือ สื่อวัสดุอุปกรณ์เทคโนโลยีให้เพียงพอและเหมาะสมตามความต้องการของผู้เข้าร่วมกิจกรรม
3. ด้านกระบวนการ การดำเนินการควรจัดกิจกรรมที่เร้าความสนใจและเหมาะสมกับวัย จัดกิจกรรมอย่างสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง และมีการติดตามประเมินผล วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำผลไปแก้ไขปรับปรุงในปีการศึกษาต่อ ๆ ไป
4. ด้านผลผลิต ควรส่งเสริมให้นักเรียนนำกิจกรรมการพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะนำไปสู่การบูรณาการกิจกรรมการเรียนการสอนในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ข้อเสนอแนะสำหรับการประเมินหรือวิจัยในครั้งต่อไป
1. ควรประเมินโครงการที่เน้นประสิทธิผลของโครงการด้านผลผลิตและผลกระทบของโครงการ เพื่อเป็นข้อมูลสารสนเทศในการพัฒนาโครงการต่อไป
2. ควรมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับรูปแบบและวิธีการดำเนินโครงการพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนในสถานศึกษา โดยมุ่งส่งเสริมสนับสนุนให้ใช้การอ่าน การเขียนในกระบวนการเรียนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
3. ควรใช้รูปแบบประเมินโครงการในรูปแบบอื่น ๆ มาศึกษาเรื่องการจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะการอ่านในสถานศึกษา เพื่อเป็นข้อเท็จจริงในการประเมินด้านผลผลิตของโครงการ