ชื่อเรื่อง : การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้
เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ วิชาสุขศึกษา 5 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้วิจัย : นายสมภพ โคตพันธ์ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนไพรบึงวิทยาคม อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ
ปีที่วิจัย : 2560 - 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการเกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ วิชาสุขศึกษา 5 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ วิชาสุขศึกษา 5 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อศึกษาผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ วิชาสุขศึกษา 5 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ วิชาสุขศึกษา 5 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 การดำเนินการวิจัยมี 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ วิชาสุขศึกษา 5 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ขั้นตอนที่ 2 พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการ คิดวิเคราะห์ วิชาสุขศึกษา 5 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ วิชาสุขศึกษา 5 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ขั้นตอนที่ 4 ศึกษาความพึงพอใจของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ วิชาสุขศึกษา 5 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียน ไพรบึงวิทยาคม อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 40 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ประกอบด้วย 1)แบบสอบถาม 2)ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 6 ชุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 10 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ มีค่าความยาก 0.30- 0.67 ค่าอำนาจจำแนก 0.38-0.92 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .97 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ และสถิติทดสอบ t-test แบบ dependent samples
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลจากการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สำหรับผู้บริหาร ได้มีการส่งเสริมการจัดแหล่งวิทยาการต่าง ๆ ในโรงเรียนให้สอดคล้องกับสภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครูผู้สอน ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ วิชาสุขศึกษา 5 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมปฏิบัติอยู่ในระดับดี ปัญหาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ วิชาสุขศึกษา 5 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เป็นปัญหาของครู โดยภาพรวม มีปัญหาระดับมาก ได้แก่ ครูขาดนวัตกรรมในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และ ครูขาดการพัฒนาเทคนิคการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใหม่ๆ ปัญหาที่เกิดจากนักเรียน โดยภาพรวมมีปัญหาในระดับมาก ได้แก่ นักเรียนขาดความสนใจในการเรียน และความต้องการของครูผู้สอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือครูต้องการพัฒนานวัตกรรมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ทันสมัย ต้องการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ในหัวข้อใหม่ๆ อย่างหลากหลาย โดยเน้นให้สามารถนำไปใช้ได้จริง และต้องการสื่อ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเหมาะสมและเพียงพอ ปัญหาในการเรียนวิชาสุขศึกษา 5 ของนักเรียน ได้แก่ ครูขาดสื่อในการสอน ทำให้ไม่น่าสนใจ นักเรียนได้เสนอความต้องการที่จะเรียนวิชาสุขศึกษา 5 อย่างมีความสุข โดยให้ครูจัดหาสื่อการสอนที่หลากหลาย
2. ประสิทธิภาพของการรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ วิชาสุขศึกษา 5 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.60/85.56 ซึ่งซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ วิชาสุขศึกษา 5 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่าหลังเรียนมีผลสัมฤทธิ์สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ วิชาสุขศึกษา 5 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจอยู่ในระดับมากโดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.27