ชื่อเรื่อง : รายงานผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอน จัดการเรียนรู้
แบบ KWL-Plus วิชาสุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
โรงเรียนแม่ริมวิทยาคม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
ผู้รายงาน : นายณัฐพงษ์ ชุมภูคำ
ปีที่ศึกษา : 2560
บทคัดย่อ
การรายงานผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอน จัดการเรียนรู้แบบ KWL-Plus วิชา สุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนแม่ริมวิทยาคม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบ KWL-plus กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2560 ที่มีประสิทธิภาพ (E1/E2) ตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อเปรียบเทียบคะแนนทดสอบก่อนเรียนและคะแนนสอบหลังเรียน โดยจัดการเรียนรู้แบบ KWL-plus กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2560 และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบ KWL-plus กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2560 ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียน ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 6 ห้องเรียน รวมจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 249 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนแม่ริมวิทยาคม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 ซึ่งได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) จากทั้งหมด 6 ห้องเรียน คือห้องเรียน 2/1 จำนวนนักเรียน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย 1) ชุดการสอนพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบ KWL-plus กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 18 ชุดการสอน 2) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจ ซึ่งผู้รายงานสร้างและพัฒนาขึ้น โดยได้รับการตรวจแก้ไขความถูกต้องเชิงเนื้อหาและหลักวิชาการ จากผู้เชี่ยวชาญ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่า t-(test)
ผลการศึกษา พบว่า
1. ชุดการสอน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 91.89/ 89.34 มีค่าสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ คือ 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยชุดการสอน นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสุขศึกษาหลังเรียนเฉลี่ยร้อยละ 89.34 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ ร้อยละ 80 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการใช้ชุดการสอนวิชาสุขศึกษาสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01
3. ระดับความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนรู้ในรายวิชา สุขศึกษา โดยใช้ชุดการสอน จากแบบสอบถามความพึงพอใจ ทั้ง 20 ข้อ จากการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า ส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในการเรียนการสอนในรายวิชาสุขศึกษา โดยใช้ชุดการสอน อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.61
ข้อเสนอแนะ
1. ครูผู้สอนนำชุดการสอนไปใช้ได้กับทุกรายวิชาในรูปแบบของการบูรณาการ จะช่วยให้นักเรียนเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ มีความใฝ่รู้ใฝ่เรียนสูงขึ้น และควรมีการสร้างชุดการสอนในเนื้อหาอื่น ๆ
2. ในการนำชุดการสอนไปใช้ ระหว่างที่ใช้และหลังใช้ควรได้มีการประเมินเพื่อหาข้อบกพร่องและปรับปรุงให้เหมาะสมกับกลุ่มนักเรียนที่สอนอีกครั้ง
3. ในการทำกิจกรรม ครูควรเป็นที่ปรึกษาให้กำลังใจและติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ สนับสนุนให้นักเรียนเป็นผู้สร้างความรู้ด้วยตัวเอง โดยเริ่มจากกิจกรรมที่ง่ายต่อการนำไปปฏิบัติจริงไปสู่ขั้นตอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เพื่อเร้าความสนใจและท้าทายให้เกิดการเรียนรู้อย่างสนุกสนาน
4. การรายงานผลการนำความรู้ไปปฏิบัติจริงอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอของนักเรียน เป็นเงื่อนไขของการจัดการเรียนรู้ ครูควรใช้วิธีการประเมินผลที่หลากหลาย หรือเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ประเมินกันเอง ได้ประเมินตนเอง และผู้ปกครองร่วมประเมินด้วย
5. การนำแนวคิดการใช้ชุดกิจกรรมไปสอนนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จนถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 อย่างต่อเนื่อง จะเป็นการฝึกทักษะอย่างเป็นระบบ จัดกิจกรรมที่นักเรียนมีอิสระที่จะวางแผนแก้ไขปัญหาในระยะยาว แทนการวางแผนแก้ไขปัญหาเพื่อทดลองปฏิบัติในระยะสั้นๆ