ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ทักษะงานอาชีพ เพื่อเสริมสร้าง
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ
และเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้ศึกษา นางพันทิพา ปัจจังคะตา
สถานศึกษา โรงเรียนบ้านหัวหมู ปีที่พิมพ์ 2561
บทคัดย่อ
ทักษะชีวิตเป็นความสามารถในการปรับตัวและพฤติกรรมที่ถูกต้อง ที่ส่งผลให้บุคคล
มีความสามารถจัดการกับความต้องการและสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ทักษะงานอาชีพ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ทักษะงานอาชีพ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต กลุ่มสาระ
การเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 3) เพื่อศึกษา
ผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ทักษะงานอาชีพ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนโรงเรียนบ้านหัวหมู สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2 ที่ศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 28 คน ได้มาโดยการเลือกแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้
ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วยแบบสัมภาษณ์ แบบจดบันทึกการสนทนากลุ่ม แบบสังเกต และแบบจดบันทึกการประชุม เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 10 แผน 2) เอกสารประกอบการเรียนรู้ จำนวน 10 เรื่อง 3) แบบประเมินคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้ และเอกสารประกอบการเรียนรู้ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ก่อนเรียนและหลังเรียน จำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) อยู่ระหว่าง .๖๐-๑.๐๐ ค่าความยากอยู่ระหว่าง .43-.72 ค่าอำนาจจำแนกรายข้ออยู่ระหว่าง .33-.67 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .84 และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ จำนวน 15 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบคะแนนทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้ t-test แบบ Dependent Sample
ผลการศึกษาพบว่า
1. สภาพปัจจุบัน พบว่า โรงเรียนมีการศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและหลักสูตรท้องถิ่น การจัดการเรียนรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีมุ่งเน้นเนื้อหาสาระสอดคล้องกับการแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ผู้บริหารโรงเรียนส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูได้รับการพัฒนาด้วยวิธีการที่หลากหลาย นักเรียนส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ผู้ปกครองและผู้นำชุมชนได้มีส่วนร่วมเป็นคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียน
สภาพปัญหา พบว่า การจัดทำหลักสูตรท้องถิ่นของกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีขาดความหลากหลาย ไม่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนท้องถิ่น ครูมีจำนวนจำกัดและมีภาระหน้าที่ในงานอื่น ๆ การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารโรงเรียนทำให้การบริหารจัดการเรียนรู้ไม่บรรลุเป้าหมายและขาดความต่อเนื่อง นักเรียนมีพฤติกรรมเบื่อหน่าย เฉื่อยชา ไม่กระตือรือร้นในการเรียน ขาดสุขนิสัยในการดูแลสุขภาพ ผู้ปกครองไม่มีเวลาดูแลบุตรหลานของตนเอง ด้านความต้องการ พบว่า ต้องการให้กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต โดยผสมผสานวัฒนธรรมของท้องถิ่นและความเป็นท้องถิ่นกับความสามารถในการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้
2. ประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ทักษะงานอาชีพ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 86.71/86.31 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คือ 80/80
3. นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนเฉลี่ยต่อคนเท่ากับ 15.07 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 50.23 และหลังเรียนรู้โดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ทักษะงานอาชีพ
เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยต่อคนเท่ากับ 25.89 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 86.71 ซึ่งแตกต่างจากคะแนนก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัด
การเรียนรู้ทักษะงานอาชีพ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เท่ากับ 25.89 คะแนน จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.13 ดังนั้น คุณภาพ
การจัดการเรียนรู้จากค่าสัมประสิทธิ์ของการกระจาย (Coefficient of Variation) จึงเท่ากับ 5.13
ซึ่งหมายความว่าคุณภาพการสอนอยู่ในระดับดีเยี่ยม
5. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ทักษะ
งานอาชีพ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เท่ากับ 0.7248 ซึ่งแสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนรู้เพิ่มขึ้นหลังเรียนคิดเป็นร้อยละ 72.48
6. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ทักษะ
งานอาชีพ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ
และเทคโนโลยี มีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.52) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 2 ด้าน คือ ด้านสื่อ/อุปกรณ์การเรียน ( = 4.58) และด้านกิจกรรมการเรียนการสอน ( = 4.55) และมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก จำนวน 2 ด้าน คือ ด้านเนื้อหา ( = 4.49) และด้านการวัดและประเมินผล ( = 4.48)
โดยสรุป การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ทักษะงานอาชีพ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ครั้งนี้มีจุดเด่น คือ การให้นักเรียนได้เรียนรู้เป็นกลุ่มขนาดเล็ก โดยทุกคนมีโอกาสได้ช่วยเหลือกันและกัน แสดงให้เห็นว่าเนื้อหาและกิจกรรมที่ไม่ง่ายหรือยากเกินไป จะเหมาะสมแก่การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ทักษะงานอาชีพในเนื้อหาอื่น ๆ ได้ต่อไป ส่วนสิ่งที่ควรนำไปปรับปรุงพัฒนาครั้งต่อไป คือ ควรพัฒนาเป็นบทเรียนสำเร็จรูปและปรับปรุงกิจกรรมการเรียนรู้ เช่น แบบกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน มีกระบวนการวัดและประเมินผลให้หลากหลายมากขึ้น เน้นการมีส่วนร่วม การออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย การจัดภาพประกอบและใช้สีภาพที่เหมาะสม นักเรียนได้รับทราบผล
การเรียนโดยทันทีซึ่งเป็นการเสริมแรงที่ดี