ชื่อวิจัย ผลการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคา โดยใช้ชุดฝึกมาตราตัวสะกด
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
โรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี) เทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา
ผู้วิจัย นางสาวอารตี มูดิง
ปีที่วิจัย 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ (1) เพื่อหาประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะการอ่าน
และการเขียนสะกดคา โดยใช้ชุดฝึกมาตราตัวสะกด ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระ
การเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี) เทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา ตามเกณฑ์ 80/80
(2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของชุดฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคา โดยใช้ชุดฝึกมาตรา
ตัวสะกด ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี)
เทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา (3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระหว่างก่อนเรียนและ
หลังเรียน โดยใช้ชุดฝึกมาตราตัวสะกด ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา
เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/5 โรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี) เทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 นักเรียนรวม 32 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random
Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย (1) แผนการจัดการเรียนรู้ จานวน 24 แผน
(2) ชุดฝึกมาตราตัวสะกด จานวน 8 เล่ม และ (3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จานวน 30 ข้อ
มีค่าความเที่ยงตรง (IOC) 0.80-1.00 ค่าความยากง่ายเท่ากับ 0.36-0.64 ค่าอานาจจาแนกเท่ากับ
0.27-0.55 ค่าความเชื่อมั่น (KR-20) เท่ากับ .94 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย
และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษา พบว่า
1. ประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคา โดยใช้ชุดฝึกมาตรา
ตัวสะกด ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.27/ 84.58 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์
ประสิทธิภาพ 80/80
2. ดัชนีประสิทธิผลของชุดฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคา โดยใช้ชุดฝึก
มาตราตัวสะกด ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 0.6272 แสดงว่าชุดฝึกมาตราตัวสะกด
ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น สามารถทาให้ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มมากกว่าเดิมร้อยละ 62.72
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เมื่อได้รับการเรียนรู้ ด้วย
ชุดฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคา โดยใช้ชุดฝึกมาตราตัวสะกด หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01