ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการคิดวิเคราะห์
โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง แรงในชีวิต
ประจำวัน
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ผู้ศึกษา นางณิรดา เมืองนาง ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
ปีที่ทำการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการคิดวิเคราะห์โดยใช้ชุดกิจกรรม การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 การศึกษาครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่พัฒนาขึ้น 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียน 4) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์จากการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียน 5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/3 จำนวน 32 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนเทศบาล 3 บ้านเหล่า ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling)เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) จำนวน 8 เล่ม มีค่าความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด 4.61 2) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 8 แผน ใช้เวลา 16 ชั่วโมง มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก 4.43 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ มีค่าความยาก 0.21 ถึง 0.83 ค่าอำนาจจำแนก 0.23 ถึง 0.88 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.81 4) แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ มีค่าความยาก 0.37 ถึง 0.84 ค่าอำนาจจำแนก 0.21 ถึง 0.78 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.98 5) แบบวัดความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นแบบประเมินมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) จำนวน 15 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.94 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบสมมติฐานใช้ t-test (Dependent Samples)
ผลการศึกษาปรากฏดังนี้
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่สร้างขึ้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.26/83.35 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80
2. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ผู้ศึกษาพัฒนาขึ้นมีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7476 แสดงว่านักเรียน มีความก้าวหน้าทางการเรียนร้อยละ 74.76
3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ หลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ หลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
5. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 อยู่ในระดับมาก