ชื่อผลงาน การพัฒนาผลการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองสำโรง
สังกัดเทศบาลเมืองหนองสำโรง จังหวัดอุดรธานี
ผู้วิจัย นางสุมาลี สุ่มมาตย์
ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา
สังกัด โรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองสำโรง สังกัดเทศบาลเมืองหนองสำโรง
จังหวัดอุดรธานี
ปีที่พิมพ์ พ.ศ. 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาผลการจัดการเรียนรู้ของครู โรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองสำโรง สังกัดเทศบาลเมืองหนองสำโรง จังหวัดอุดรธานี 2) เพื่อเปรียบเทียบผลการจัดการเรียนรู้ของครูและคุณภาพของผู้เรียนโดยใช้กระบวนการวิจัยปฏิบัติการ (Action Research) ตามแนวทางของ เคิร์ด เลวิน (Kurt Lewin) ดำเนินการพัฒนา ประกอบด้วย การวางแผน(Plan) การปฏิบัติงานตามแผน(Action) การสังเกต (Observation) และการสะท้อนผลการปฏิบัติ (Reflection) โดยศึกษาจากประชากร ได้แก่ครู และนักเรียน ที่ปฏิบัติการสอนและกำลังศึกษาอยู่ในปีการศึกษา2560 ของโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองสำโรง สังกัดเทศบาลเมืองหนองสำโรง จังหวัดอุดรธานี จำนวน 12 คนและ 235 คนตามลำดับ และมีระยะเวลาในการดำเนินการตั้งแต่ เดือน พฤษภาคม 2560 สิ้นสุดในเดือนเมษายน 2561 แบ่งเป็น 2 ระยะ(วงรอบ) ๆ ละ 1 ภาคเรียน เป็น วัฏจักรตามรูปแบบการวิจัย โดยใช้ กระบวนการ A I C ในการระดมสมอง และเทคนิคการนิเทศภายในแบบคู่สัญญา (Buddy Supervision) มาใช้ในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ แบบสอบถามความคิดเห็นของครูเกี่ยวกับการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ และความคิดเห็นของนักเรียนเกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพของนักเรียน โรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองสำโรง สังกัดเทศบาลเมืองหนองสำโรง จังหวัดอุดรธานี จำนวน 9 ฉบับ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ แบบบันทึกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการจัดกระบวนการเรียนรู้และการพัฒนาคุณภาพนักเรียน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยวิธีสรุปความและวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยหาค่าเฉลี่ย (μ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (σ ) พบว่า
1. การพัฒนาการจัดกระบวนการเรียนรู้ของครู (วงรอบที่ 1)
ครูมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการและบทบาทในการจัดการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญมากขึ้น เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีบทบาทร่วมในการพัฒนาตนเองให้เต็มศักยภาพ ปรับบทบาทให้เป็นผู้จัดหรืออำนวยความสะดวกให้เกิดการเรียนรู้ ใช้เครือข่ายการสอน การผลิตสื่อการเรียนรู้ และให้การบ้านร่วมกัน มีการให้คำแนะนำและนิเทศแก่กันและกัน และนักเรียนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนการสอนของครู ครูจัดทำแผนการจัดประสบการณ์ทุกคนอย่างมีคุณภาพ มีการรายงานผลการใช้แผนการจัดประสบการณ์ โรงเรียนมีจำนวนแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้น เช่น การขยายพื้นที่การใช้งานห้องสมุด จัดบรรยากาศให้เอื้อต่อการค้นคว้า จัดหาหนังสือและเอกสารทางวิชาการให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น จัดหาคอมพิวเตอร์มาให้บริการแก่นักเรียน พัฒนาระบบการให้บริการค้นคว้า พัฒนาห้องแนะแนว ห้องสมุด ศูนย์การเรียนรู้ต่าง ๆ ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ และห้องภูมิปัญญา สำหรับสามารถบริการแก่ครูและนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ครูและนักเรียนมีทักษะในการใช้ แหล่งค้นคว้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศเพิ่มขึ้นอัตราส่วนจำนวนนักเรียนต่อจำนวนคอมพิวเตอร์จากก่อนการพัฒนา 5 : 1 เป็น 1 : 1 จำนวนคู่สายโทรศัพท์ที่ใช้ให้บริการอินเตอร์เน็ตในโรงเรียนเพิ่มขึ้น จากก่อนการพัฒนามีเพียง 1 คู่สาย เป็น 2 คู่สาย และมีระบบเครือข่ายไร้สาย แบบ Wireless LAN มีสัญญาณ WIFI และมี Website ของโรงเรียนทุกกิจกรรม การเรียนรู้มีคลังข้อสอบ และครูมีการวิเคราะห์ข้อสอบเพิ่มขึ้น มีการพัฒนาระบบการบริการและแบบฟอร์มของงานวัดผลให้มีคุณภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งพัฒนาระบบการรายงานผลการเรียนทางอินเตอร์เน็ต นำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ในการบริหารงานวัดและประเมินผลทุกขั้นตอน มีการจัดสอนซ่อมเสริม ทั้งจากครู วิทยากรรับเชิญ นักเรียน และศิษย์เก่าจากระดับประถมศึกษา ไม่มีนักเรียนที่ออกกลางคันเนื่องจากมีปัญหา ด้านการเรียนนักเรียนรุ่นพี่กับรุ่นน้องมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มีความใกล้ชิดห่วงใยและเอื้ออาทรต่อกัน ทำให้ปัญหาการอยู่ร่วมกันของนักเรียนลดน้อยลง ครูมีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการวิจัยในชั้นเรียนเพิ่มขึ้นมีผลงานวิจัยเพิ่มขึ้น หลังการพัฒนามีผลการวิจัยในชั้นเรียนถึง 30 เรื่อง ครูใช้กระบวนการวิจัยมาพัฒนาการจัดการเรียนรู้ และพัฒนาการจัดทำโครงงานต่าง ๆ ของนักเรียนให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น
2. การเปรียบเทียบผลการจัดการเรียนรู้ของครูและคุณภาพนักเรียน (วงรอบที่ 2)
2.1 หลังการปฏิบัติการพัฒนาการจัดกระบวนการเรียนรู้ ในภาพรวมมีการศึกษาจาก
ประชากร ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโรงเรียนมีการพัฒนาโดยใช้แนวทาง การบริหาร วิธีการ และโครงการ กิจกรรมต่างๆ โดยใช้หลักการวิจัยปฏิบัติการ (Action Research) จนเกิดการพัฒนาในทุกส่วนที่เกี่ยวข้องในการจัดการเรียนรู้ ทั้งการจัดการเรียน การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การจัดทำแผนการจัดประสบการณ์ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้ การสอนซ่อมเสริม และการวิจัยในชั้นเรียน ทั้งนี้การวิจัยในชั้นเรียนเป็นด้านที่มีการพัฒนามากที่สุด รองลงมาได้แก่ การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ และการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ตามลำดับ โดยการสอนซ่อมเสริม มีการพัฒนาน้อยที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับด้านอื่น
2.2 คุณภาพของนักเรียนหลังการปฏิบัติการ โดยการศึกษาจากประชากร แสดงให้
เห็นว่าโรงเรียนได้พัฒนานักเรียนให้มีลักษณะที่พึงประสงค์ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 โดยใช้การพัฒนาการเรียนรู้ในหลาย ๆ ด้าน ผนวกควบคู่ไปกับดำเนินแนวทางการบริหาร วิธีการ และโครงการ/ กิจกรรมต่างๆ ในด้านสันทนาการ ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ด้านการพัฒนาสุขภาพกายและจิตใจ ด้านกีฬา ด้านศาสนา และการสร้างเจตคติที่ดีต่อการทำงาน โดยการมีส่วนร่วม ของครู นักเรียน ผู้บริหารสถานศึกษา ชุมชน ผู้ปกครอง และหน่วยงานต่างๆ เช่น โรงพยาบาล วัดในท้องถิ่น หน่วยงานทางทหาร และหน่วยงานทางศาสนา จนนักเรียนมีคุณลักษณะความเป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข ในทุกด้าน ทั้งนี้คุณลักษณะการเป็นคนมีความสุขของนักเรียนมีการพัฒนามากกว่าทุกด้าน รองลงมาได้แก่ ลักษณะความเป็นคนเก่ง และคนดี ตามลำดับ
2.3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน หลังการดำเนินการ เมื่อสิ้นปีการศึกษา 2560 ภาพรวมของผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น คือผลการประเมินพัฒนาการของผู้เรียน ชั้นอนุบาลปีที่ ๑- ๓ ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์ ด้านสังคม และด้านสติปัญญาอยู่ในระดับดี