บทคัดย่อ
¬ การรายงานครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (E1 / E2 = 80/80) 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านคำเผือ ก่อนใช้และหลังใช้แบบฝึกเสริมทักษะภาษาอังกฤษ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะภาษาอังกฤษ กลุ่มเป้าหมาย มี 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มเป้าหมายที่ทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะ เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนบ้านสวาย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 3 จำนวน 30 คน 2) กลุ่มเป้าหมายที่ใช้แบบฝึกเสริมทักษะ เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังใช้แบบฝึกเสริมทักษะ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนบ้านคำเผือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 3 จำนวน 7 คน 3) กลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มที่มีส่วนร่วมในการใช้แบบฝึกเสริมทักษะ จากการเผยแพร่ผลงานและศึกษาความพึงพอใจในการใช้แบบฝึกเสริมทักษะ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านคำเผือ โรงเรียนบ้านสวาย โรงเรียนบ้านหนองคล้า และโรงเรียนบ้านโสน ปีการศึกษา 2560 จำนวน 100 คน ซึ่งได้มาโดยการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบทดสอบและแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ทดสอบสมมุติฐาน คือ t-test
ผลการรายงานพบว่า
1. การสร้างและหาประสิทธิภาพแบบฝึกเสริมทักษะ
1.1 แบบฝึกเสริมทักษะ มีความเหมาะสมทุกรายการ โดยมีค่าความสอดคล้อง (IOC) ตามองค์ประกอบต่าง ๆ ของแบบฝึกเสริมทักษะ อยู่ระหว่าง 0.80 ถึง 1.00
1.2 แบบฝึกเสริมทักษะ จำนวน 10 ชุด มีประสิทธิภาพของกระบวนการเท่ากับ ร้อยละ 88.15 และประสิทธิภาพของผลลัพธ์เท่ากับร้อยละ 85.50 เมื่อพิจารณาเป็นรายชุด พบว่า มีประสิทธิภาพของกระบวนการสูงกว่าเกณฑ์ทุกชุด แสดงว่าแบบฝึกเสริมทักษะภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ 88.15/85.50 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. การศึกษาและเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนและหลังการสอนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ
2.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านคำเผือ หลังการสอนสูงกว่าก่อนการสอนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ ชุดที่ 1 เรื่อง Noun อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านคำเผือ หลังการสอนสูงกว่าก่อนการสอนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ ชุดที่ 2 เรื่อง Singular and Plural อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2.3 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านคำเผือ หลังการสอนสูงกว่าก่อนการสอนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ ชุดที่ 3 เรื่อง This , That , These , Those อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2.4 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านคำเผือ หลังการสอนสูงกว่าก่อนการสอนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ ชุดที่ 4 เรื่อง Pronoun (Subject and object) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2.5 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านคำเผือ หลังการสอนสูงกว่าก่อนการสอนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ ชุดที่ 5 เรื่อง Noun (Countable Noun and Mass Noun) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2.6 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านคำเผือ หลังการสอนสูงกว่าก่อนการสอนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ ชุดที่ 6 เรื่อง There is / There are อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2.7 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านคำเผือ หลังการสอนสูงกว่าก่อนการสอนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ ชุดที่ 7 เรื่อง Verb to be (is , am , are) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2.8 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านคำเผือ หลังการสอนสูงกว่าก่อนการสอนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ ชุดที่ 8 เรื่อง Verb to have อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2.9 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านคำเผือ หลังการสอนสูงกว่าก่อนการสอนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ ชุดที่ 9 เรื่อง Possessive อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2.10 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านคำเผือ หลังการสอนสูงกว่าก่อนการสอนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ ชุดที่ 10 เรื่อง Possessive of Noun (s) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. การศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะ
ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะ คือ ด้านแบบฝึกเสริมทักษะ ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ และด้านประโยชน์ที่เกิดกับนักเรียน โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ปรากฏผล ดังนี้
ด้านแบบฝึกเสริมทักษะ ความพึงพอใจของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ แบบฝึกเสริมทักษะมีข้อแนะนำที่ชัดเจน อ่านแล้วเข้าใจในงานที่จะทำ รองลงมาได้แก่ แบบฝึกเสริมทักษะมีขนาดตัวอักษรที่เหมาะสม ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ เวลาที่ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนเพียงพอต่อการฝึกแต่ละชุด
ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ ความพึงพอใจของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ กิจกรรมการเรียนรู้ทำให้นักเรียนมีความสามารถในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น รองลงมาได้แก่ กิจกรรมการเรียนรู้ทำให้นักเรียนมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันดีขึ้น ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ นักเรียนสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนของกิจกรรมการเรียนรู้ได้
ด้านประโยชน์ที่เกิดกับนักเรียน ความพึงพอใจของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ แบบฝึกเสริมทักษะทำให้นักเรียนประสบผลสำเร็จในการเรียนในสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ รองลงมาได้แก่ นักเรียนสามารถนำความรู้จากเรื่องที่เรียนไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ นักเรียนเกิดความรู้จากแบบฝึกเสริมทักษะ