ผู้ศึกษา นายจักรพรรดิ พิทักษ์
สถานศึกษา โรงเรียนบ้านวังฮาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานีเขต 3
ปีที่ทำการศึกษา ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงน่ารู้ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงน่ารู้ โดยใช้การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงน่ารู้ โดยใช้การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น
การดำเนินการศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 4 โรงเรียนบ้านวังฮาง กลุ่มโรงเรียนหนองหาน 1 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 3 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 16 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา 1) แบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงน่ารู้ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ จำนวน 8 เล่ม มีประสิทธิภาพ E1/E2 = 82.08/81.88 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง แสงน่ารู้ ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากง่าย (p) ระหว่าง 0.46 0.66 ค่าอำนาจจำแนก (r) ระหว่าง 0.27 0.40 และค่าความเชื่อมั่น 0.75 3) แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น จำนวน 8 แผน มีคุณภาพเฉลี่ย 4.88 อยู่ในระดับเหมาะสม มากที่สุด และ 4) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงน่ารู้ ชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) มี 5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.86 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t - test (Dependent Sample)
ผลการศึกษาพบว่า 1) แบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงน่ารู้
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 85.47/84.17 สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงน่ารู้ โดยใช้การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 3) ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงน่ารู้ โดยใช้การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.65 อยู่ในระดับมากที่สุด
โดยสรุป แบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงน่ารู้ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงขึ้นได้ เหมาะสำหรับใช้เป็นต้นแบบและสามารถพัฒนาการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ได้อย่างดียิ่ง