ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานการจัดการเรียนรู้สาระนาฏศิลป์ โดยใช้กระบวนการการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนภูมิวิทยา

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการจัดการเรียนรู้สาระนาฏศิลป์ โดยใช้กระบวนการการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนภูมิวิทยา กลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนภูมิวิทยา จำนวน 30 คน ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นด้วยกระบวนการการศึกษาชั้นเรียนโดยใช้เนื้อหาสาระนาฏศิลป์ 3 หน่วยการเรียนรู้ รวมทั้งหมด 16 แผนการจัดการเรียนรู้ และแบบสังเกตนักเรียนรายบุคคล และโดยวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติ คือ ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการจัดการเรียนรู้สาระนาฏศิลป์จากการวิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนพบว่า นักเรียนมีพฤติกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับ ดี โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.48 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.18

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระนาฏศิลป์ของนักเรียน มีผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ 75.87

การวิจัยครั้งนี้ เพื่อศึกษาผลการจัดการเรียนรู้สาระนาฏศิลป์ โดยใช้กระบวนการการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) ที่ใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ 3 รูปแบบ ได้แก่ การจัดการเรียนรู้แบบJigsaw การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning และการจัดการเรียนรู้แบบ Open Approach ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนภูมิวิทยา ภาคเรียนที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2560 ซึ่งในการวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้เนื้อหาในรายวิชานาฏศิลป์ ของระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มี 3 หน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 นาฏยศัพท์และภาษาท่า มีแผนการการจัดการเรียนรู้ทั้งหมด 4 แผน 4 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 รำวงมาตรฐาน มีแผนการการจัดการเรียนรู้ทั้งหมด 8 แผน 8 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ลาวต่อนก มีแผนการการจัดการเรียนรู้ทั้งหมด 4 แผน 4 ชั่วโมง รวมทั้งหมด 16 แผนการจัดการเรียนรู้ กระบวนการจัดการเรียนรู้ในครั้งนี้ ผู้วิจัยเลือกใช้กระบวนการการศึกษาชั้นเรียน ตามแนวคิดของ Inprasitha (2011) เป็นนวัตกรรมที่ใช้ในการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนของครู โดยเริ่มจากการขั้นการวางแผนบทเรียนร่วมกัน ไปสู่ขั้นการสังเกตชั้นเรียนร่วมกัน และสู่ขั้นการสะท้อนผลชั้นเรียนร่วมกัน

การเก็บรวมรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงก่อนการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้สังเกตชั้นเรียนเพื่อศึกษาธรรมชาติของนักเรียน พฤติกรรมในขณะการทำกิจกรรมการแก้ปัญหาจากสถานการณ์ปลายเปิด การแสดงความความเห็นรวมทั้งบุคลิกภาพของนักเรียน การทำงานและกิจกรรมร่วมกับเพื่อนในกลุ่ม การยอมรับฟังแนวคิดของผู้อื่น และศึกษาวิธีการคิด แนวคิดการแสดงออกผ่านกิจกรรม เพื่อให้เข้าใจบริบทด้านตัวผู้เรียน และช่วงการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้ดำเนินการโดยนำแผนการจัดการเรียนรู้ที่ใช้กระบวนการศึกษาชั้นเรียน ที่มีการปรับปรุงแก้ไขมาตามลำดับ มาดำเนินการสอนกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนวิชานาฏศิลป์ โรงเรียน ภูมิวิทยา สังกัดสักนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษาชัยภูมิเขต 2 ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โดยผู้วิจัยเป็นผู้ดำเนินการสอนด้วยตนเอง ใช้เวลาในการสอน 16 ชั่วโมง ใช้แผนการจัดการเรียนรู้ทั้งหมด 16 แผน โดยในระหว่างที่มีการจัดการเรียนการสอน จะมีครูในโรงเรียนเข้าร่วมสังเกต และหลังจากที่การเรียนการสอนเสร็จสิ้นลงในแต่ละครั้งก็จะมีสะท้อนผลการจัดการเรียนรู้ เริ่มจากครูผู้สอน และต่อด้วยครูผู้สังเกต จะเป็นการพูดถึงปัญหาและอุปสรรค จุดบกพร่อง แนวคิดของนักเรียน จากนั้นจะร่วมกันอภิปรายถึงสาเหตุของปัญหาของจุดบกพร่องของชั้นเรียนที่ผ่านมา ทำให้ครูผู้สอนได้เห็นถึงจุดบกพร่องของตนเอง ได้เห็นถึงจุดอ่อนและจุดแข่งของการจัดการเรียนการสอนที่มาจากแผนการเรียนรู้ที่ผ่านมา จากนั้นทีมจะช่วยกันรวบรวมปัญหาและอุปสรรค จุดอ่อน จุดแข็งที่ได้ แล้วนำไปปรับปรุงแก้ไขแผนการจัดการเรียนรู้ที่จะใช้สอนในครั้งต่อไป

การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ได้จากแบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน เพื่อหาค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลโดยสรุปและวิเคราะห์ข้อมูลเป็นหน่วยการเรียนรู้ ซึ่งมีผลการศึกษาผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่สรุปได้ดังนี้

ผลการจัดการเรียนรู้ สาระนาฏศิลป์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 นาฏยศัพท์และภาษาท่า นักเรียนมีพฤติกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับ ดี ( = 4.33 และ S.D. = 0.28) โดยพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนประกอบด้วย ความสนใจ อยู่ในระดับ ดี ( = 4.19 และ S.D. = 0.56) การร่วมแสดงความคิดเห็น อยู่ในระดับ ดี ( = 4.28 และ S.D. = 0.68) การให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม อยู่ในระดับ ดี ( = 4.42 และ S.D. = 0.50) ความถูกต้อง อยู่ในระดับ ดีมาก ( = 4.81 และ S.D. = 0.52) และการเชื่อมโยงและความคิดสร้างสรรค์ อยู่ในระดับ ดี ( = 3.97 และ S.D. = 0.52) และจากผลการประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน พบว่า มีนักเรียนที่มีพฤติกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับ ดีมาก จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 23.33 และมีนักเรียนที่มีพฤติกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับ ดี จำนวน 23 คน คิดเป็นร้อยละ 76.67

ผลการจัดการเรียนรู้ สาระนาฏศิลป์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 รำวงมาตรฐาน นักเรียนมีพฤติกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับ ดีมาก ( = 4.53 และ S.D. = 0.23) โดยพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนประกอบด้วย ความสนใจ อยู่ในระดับ ดีมาก ( = 4.61 และ S.D. = 0.53) การร่วมแสดงความคิดเห็น อยู่ในระดับ ดี ( = 4.47และ S.D. = 0.56) การให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม อยู่ในระดับ ดีมาก ( = 4.75 และ S.D. = 0.45) ความถูกต้อง อยู่ในระดับ ดีมาก ( = 4.64 และ S.D. = 0.52) และการเชื่อมโยงและความคิดสร้างสรรค์ อยู่ในระดับ ดี ( = 4.17 และ S.D. = 0.62) และจากผลการประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน พบว่า มีนักเรียนที่มีพฤติกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับ ดีมาก จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 40 และมีนักเรียนที่มีพฤติกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับ ดี จำนวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 60

ผลการจัดการเรียนรู้ สาระนาฏศิลป์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ลาวต่อนก นักเรียนมีพฤติกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับ ดีมาก ( = 4.57 และ S.D. = 0.32) โดยพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนประกอบด้วย ความสนใจ อยู่ในระดับ ดีมาก ( = 4.56 และ S.D. = 0.75) การร่วมแสดงความคิดเห็น อยู่ในระดับ ดีมาก ( = 4.67 และ S.D. = 0.68) การให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม อยู่ในระดับ ดีมาก ( = 4.67 และ S.D. = 0.68) ความถูกต้อง อยู่ในระดับ ดีมาก ( = 4.83 และ S.D. = 0.51) และการเชื่อมโยงและความคิดสร้างสรรค์ อยู่ในระดับ ดี ( = 4.11 และ S.D. = 0.85) และจากผลการประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน พบว่า มีนักเรียนที่มีพฤติกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับ ดีมาก จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 40 และมีนักเรียนที่มีพฤติกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับ ดี จำนวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 60

และผลการจัดการเรียนรู้ สาระนาฏศิลป์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนภูมิวิทยา นักเรียนมีพฤติกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับ ดี ( = 4.48 และ S.D. = 0.18) โดยพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนประกอบด้วย ความสนใจ อยู่ในระดับ ดี ( = 4.45 และ S.D. = 0.38) การร่วมแสดงความคิดเห็น อยู่ในระดับ ดี ( = 4.47 และ S.D. = 0.41) การให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม อยู่ในระดับ ดีมาก ( = 4.61 และ S.D. = 0.35) ความถูกต้อง อยู่ในระดับ ดีมาก ( = 4.76 และ S.D. = 0.36) และการเชื่อมโยงและความคิดสร้างสรรค์ อยู่ในระดับ ดี ( = 4.08 และ S.D. = 0.49) และจากผลการประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน พบว่า มีนักเรียนที่มีพฤติกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับ ดีมาก จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 40 และมีนักเรียนที่มีพฤติกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับ ดี จำนวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 60

การวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในสาระนาฏศิลป์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนภูมิวิทยา พบว่า ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในสาระนาฏศิลป์ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนภูมิวิทยา พบว่า ผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 9.53 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.68 และผลสัมฤทธิ์หลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 16.77 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.48 เมื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระนาฏศิลป์ของนักเรียนก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระนาฏศิลป์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนภูมิวิทยามีการพัฒนาขึ้น โดยผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ 75.87

2. อภิปรายผลการวิจัย

จากการศึกษาผลการจัดการเรียนรู้สาระนาฏศิลป์ โดยใช้กระบวนการการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนภูมิวิทยา ภาคเรียนที่ 2 ประจำปีการศึกษา 2560 พบว่า

ผู้วิจัยนำกระบวนการการศึกษาชั้นเรียน ตามแนวคิดของ ของ Inprasitha (2011) มาใช้ในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้รายวิชานาฏศิลป์ ร่วมกันรูปแบบวิธีการจัดการเรียนการสอน 3 รูปแบบ ได้แก่ การจัดการเรียนรู้แบบJigsaw การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning และการจัดการเรียนรู้แบบ Open Approach โดยกระบวนการการศึกษาชั้นเรียนมีรายละเอียดขั้นตอนดังนี้

ขั้นการวางแผนบทเรียนร่วมกัน (Plan) ในขั้นตอนนี้ ผู้วิจัยได้ร่วมสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ในสาระนาฏศิลป์ ของระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กับทีม ทำให้แผนการจัดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากผู้ร่วมสร้างแผนต่างเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการจัดการเรียนการสอนมาแล้ว ดังนั้นทำให้มองเห็นจุดบกพร่องของการดำเนินกิจกรรมในชั้นเรียน ซึ่งจุดบกพร่องเหล่านั้นถูกนำมาอภิปรายเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ใหม่ และยังเป็นการระดมแนวคิดของผู้ร่วมสร้างแผนเพื่อสรรหากิจกรรมที่ดีและเหมาะสำหรับเนื้อหาสาระความรู้ เพื่อให้ผู้เรียนได้รับประโยชน์มากที่สุด และเพื่อให้ผู้เรียนได้สนุกกับกิจกรรมการเรียนการสอน เมื่อผู้วิจัยสร้างแผนการจัดการเรียนรู้เสร็จได้ส่งแผนการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ เพื่อรับข้อเสนอแนะมาปรับปรุง ดังนั้น จึงมั่นใจได้ว่าแผนการจัดการเรียนการเรียนรู้มีประสิทธิภาพ เนื่องจากผ่านการตรวจสอบถึง 2 ครั้ง ครั้งที่หนึ่งผ่านการตรวจสอบจากผู้ร่วมเขียนแผน และขั้นที่สองผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ

ขั้นการสังเกตชั้นเรียนร่วมกัน (Do) เมื่อได้แผนการจัดการเรียนรู้ที่ได้ร่วมสร้างกับทีม และผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว ผู้วิจัยนำแผนการจัดการเรียนรู้ที่ได้มาใช้ในการจัดการเรียนการสอนจริง ตั้งแต่การเริ่มชั้นเรียนจนถึงการสรุปชั้นเรียนในขั้นตอนสุดท้าย โดยผู้วิจัยจะเป็นผู้สอน และมีทีมที่ได้ร่วมกันเขียนแผนจะร่วมสังเกตการเรียนจัดการเรียนการสอน ซึ่งผู้สังเกตไม่เข้าไปแทรกแซงแนวคิดของนักเรียน ในการสังเกตเป็นการสังเกตแนวคิดที่นักเรียนแสดงออกมา พฤติกรรม สีหน้า ท่าทาง เป็นการฝึกให้ครูได้สังเกตนักเรียนเพื่อทำความเข้าใจในนักเรียนแต่ละคน และยังเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนจากห้องเรียนจริง ถือว่าเป็นการเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อครูเป็นอย่างยิ่ง และในขั้นตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ผู้สังเกตมีการเก็บข้อมูลของชั้นเรียนเพื่อใช้ในการสะท้อนผลในขั้นต่อไป

ขั้นการสะท้อนผลชั้นเรียนร่วมกัน (See) ขั้นนี้มีการสะท้อนผลการจัดการเรียนรู้ เริ่มจากครูผู้สอน และต่อด้วยครูผู้สังเกต เป็นการพูดถึงปัญหาและอุปสรรค จุดบกพร่อง การการจัดการเรียนการสอน และแนวคิดของนักเรียน โดยข้อมูลที่ได้ในขั้นนี้ถูกนำไปปรับปรุงแผนการสอนในครั้งต่อไป

จากการจัดการเรียนรู้รายวิชานาฏศิลป์โดยใช้กระบวนการการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) ร่วมกันรูปแบบวิธีการจัดการเรียนการสอน 3 รูปแบบ ได้แก่ การจัดการเรียนรู้แบบJigsaw การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning และการจัดการเรียนรู้แบบ Open Approach สามารถพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนได้จริงโดยอาศัยการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ของครูที่ทำงานกันเป็นทีม ผ่านขั้นตอนของกระบวนการศึกษาชั้นเรียน เห็นได้จากผลการประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนที่อยู่ในระดับดีและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่ใช้การทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนโดยผลที่ได้พบว่าผลการทดสอบหลังเรียนเพิ่มขึ้นจากผลการทดสอบก่อนเรียนร้อยละ 75.87 แสดงให้เห็นว่า เมื่อครูมีการพัฒนากระบวนจัดการเรียนการสอนอยู่ตลอดเวลาโดยอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างครูในโรงเรียน มีการร่วมกันคิด ร่วมกันปฏิบัติ ร่วมกันสะท้อนถึงปัญหาจากการปฏิบัติก็จะทำให้ครูมีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ สอดคล้องกับ สัมพันธ์ ถิ่นเวียงทอง (2555) กล่าวว่า การศึกษาชั้นเรียนสามารถทำให้เกิดการปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ คุณภาพการสอนของครู และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ และยังสอดคล้องกับ Lewis (2005 อ้างถึงใน วาสุกรี ใจจันทร์, 2555) กล่าวว่า การศึกษาชั้นเรียนทำให้ครูมีความรู้ที่เพิ่มขึ้นในส่วนที่เป็นเนื้อหาสาระ การสอน ความสามารถในการสังเกตนักเรียน เครือข่ายที่แข็งแกร่งเกี่ยวกับนักศึกษา การเชื่อมโยงงานภาคปฏิบัติในชีวิตประจำวันซึ่งเป็นเป้าหมายในระยะยาว สร้างแรงจูงใจที่แข็งแกร่งขึ้นและความรู้สึกของการรับรู้ความสามารถและสามารถปรับปรุงคุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ที่มีอยู่ และยังพบว่าในการจัดการเรียนรู้นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนในสาระนาฏศิลป์ โดยเห็นได้จากพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนที่แสดงให้เห็นว่า นักเรียนมีความสุขในการเรียน จากการยิ้ม การหัวเราะ ความมุ่งมั่นตั้งใจในระหว่างการทำกิจกรรมการแก้ปัญหาความพยายามมีส่วนร่วมในชั้นเรียนจากการตอบคำถามและการนำเสนอแนวคิดของตนเองต่อชั้นเรียน ดังนั้น ผู้วิจัยจึงสรุปได้ว่าการนำกระบวนการศึกษาชั้นเรียนโดยใช่ร่วมกับการจัดการเรียนการสอนทั้ง 3 รูปแบบ สามารถสร้างความพึงพอใจต่อการเรียนในสาระนาฏศิลป์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนภูมิวิทยาได้เป็นอย่างดี

โพสต์โดย Apor : [18 ต.ค. 2561 เวลา 06:44 น.]
อ่าน [5887] ไอพี : 49.230.211.200
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 25,195 ครั้ง
ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใช้ธูปกี่ดอกกันบ้าง?
ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใช้ธูปกี่ดอกกันบ้าง?

เปิดอ่าน 9,934 ครั้ง
คนไทย80% กินอาหารเกินจำเป็นร่างกาย
คนไทย80% กินอาหารเกินจำเป็นร่างกาย

เปิดอ่าน 12,104 ครั้ง
"ครู" ผู้เปลี่ยนชีวิต "ศิษย์"
"ครู" ผู้เปลี่ยนชีวิต "ศิษย์"

เปิดอ่าน 76,116 ครั้ง
กริยา กับ กิริยา
กริยา กับ กิริยา

เปิดอ่าน 12,672 ครั้ง
มาจัดโครงการพัฒนาศักยภาพให้แก่บุคลากรในองค์กรกัน
มาจัดโครงการพัฒนาศักยภาพให้แก่บุคลากรในองค์กรกัน

เปิดอ่าน 64,579 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 5 ผู้ตัดสิน (The Referee)
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 5 ผู้ตัดสิน (The Referee)

เปิดอ่าน 63,765 ครั้ง
"แคดอกแดง" มีประโยชน์อย่างไร?
"แคดอกแดง" มีประโยชน์อย่างไร?

เปิดอ่าน 8,790 ครั้ง
ทำไมนะ…ลูกเราถึงไม่ฉลาด
ทำไมนะ…ลูกเราถึงไม่ฉลาด

เปิดอ่าน 15,912 ครั้ง
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ขอสินเชื่อใหม่ไม่ยากอย่างที่คิด
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ขอสินเชื่อใหม่ไม่ยากอย่างที่คิด

เปิดอ่าน 8,282 ครั้ง
ระบบการศึกษาไม่สมดุล (จบ)
ระบบการศึกษาไม่สมดุล (จบ)

เปิดอ่าน 20,141 ครั้ง
เคล็ดเด็กเก่งวิชา เรขาคณิต-พีชคณิต
เคล็ดเด็กเก่งวิชา เรขาคณิต-พีชคณิต

เปิดอ่าน 14,291 ครั้ง
วิธีบริหารเงิน ที่ไม่มีสอนในโรงเรียน
วิธีบริหารเงิน ที่ไม่มีสอนในโรงเรียน

เปิดอ่าน 18,570 ครั้ง
10 วิธีบำบัดเด็กสมาธิสั้น
10 วิธีบำบัดเด็กสมาธิสั้น

เปิดอ่าน 15,970 ครั้ง
แอปเปิ้ลแต่ละสีมีประโยชน์ต่างกัน
แอปเปิ้ลแต่ละสีมีประโยชน์ต่างกัน

เปิดอ่าน 108,623 ครั้ง
ประเภทของลูกเสือ
ประเภทของลูกเสือ

เปิดอ่าน 16,735 ครั้ง
มะขามป้อม
มะขามป้อม
เปิดอ่าน 79,779 ครั้ง
กาลามสูตร
กาลามสูตร
เปิดอ่าน 15,912 ครั้ง
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ขอสินเชื่อใหม่ไม่ยากอย่างที่คิด
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ขอสินเชื่อใหม่ไม่ยากอย่างที่คิด
เปิดอ่าน 97,361 ครั้ง
การปฐมพยาบาลแผลถูกแมงป่องต่อย ตะขาบหรือแมงมุมกัด
การปฐมพยาบาลแผลถูกแมงป่องต่อย ตะขาบหรือแมงมุมกัด
เปิดอ่าน 108,623 ครั้ง
ประเภทของลูกเสือ
ประเภทของลูกเสือ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ