ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานผลการประเมินโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนวัดทุ่งใหญ่ ปีการศึกษา 2560

ชื่อผลงาน รายงานผลการประเมินโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนวัดทุ่งใหญ่

ปีการศึกษา 2560

ผู้รายงาน ศุภโชค สินกั้ง

ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดทุ่งใหญ่

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 2

ปีที่รายงาน ปีการศึกษา 2560

บทสรุปสำหรับผู้บริหาร

รายงานการประเมินโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนวัดทุ่งใหญ่ ปีการศึกษา 2560 มีวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียน วัดทุ่งใหญ่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 2 ปีการศึกษา 2560 ในด้านสภาวะแวดล้อมของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ด้านปัจจัยพื้นฐาน ของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ด้านกระบวนการปฏิบัติระหว่างดำเนินการของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนและด้านผลผลิตของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยศึกษาจาก กลุ่มตัวอย่าง คณะกรรมการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนจำนวน 15 คน นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – มัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 46 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินมี 2 ฉบับ ได้แก่ 1) แบบสอบถามการประเมินโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ของโรงเรียนวัดทุ่งใหญ่ สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 2 ปีการศึกษา 2560 ของคณะกรรมการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และ แบบสอบถามปลายเปิด

2) แบบสอบถาม การประเมินโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ของโรงเรียนวัดทุ่งใหญ่ สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 2 ปีการศึกษา 2560 ของนักเรียนที่มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และ แบบสอบถามปลายเปิด ผลการประเมินพบว่า

1. ผลการประเมินโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนวัดทุ่งใหญ่ สังกัด

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 2 ปีการศึกษา 2560 โดยใช้รูปแบบประเมินแบบ CIPP Model ของสตัฟเฟิลบีม ภาพรวมอยู่ในระดับปฏิบัติได้ผลดี โดย ด้านสภาวะแวดล้อม ผลอยู่ในระดับปฏิบัติได้ผลดีที่สุด ด้านปัจจัยพื้นฐาน ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต ผลอยู่ในระดับปฏิบัติได้ผลดี

2. ผลการประเมินโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยใช้กรอบการดำเนินงานของ ครูที่ปรึกษา ภาพรวมอยู่ในระดับปฏิบัติได้ผลดี โดย ด้านการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคลเพื่อทำการคัดกรอง ด้านการส่งเสริมนักเรียน ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหา ด้านการส่งต่อ ด้านผลการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ผลอยู่ในระดับปฏิบัติได้ผลดี

3. ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน

3.1 ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมตามทัศนะของคณะกรรมการดำเนินงานระบบการดูแล

ช่วยเหลือนักเรียน

3.1.1 ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดกับการดำเนินงานโครงการระบบการดูแล

ช่วยเหลือนักเรียน ในภาพรวมพบว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ มีฐานะยากจน ไม่เข้าใจในการเลี้ยงดูลูกหลานมักจะโยนความรับผิดชอบดูแลนักเรียนให้กับโรงเรียน บางคนไม่ยอมรับพฤติกรรมด้านลบของบุตรหลานของตนเอง เป็นปัญหามากที่สุด รองลงมาคณะกรรมการแต่ละทีม คือทีมนำ ทีมประสาน และทีมทำ ไม่ประสานการทำงานร่วมกัน ขาดการวางแผนที่ดี ตามแนวทาง ที่กรมสุขภาพจิตได้วางไว้ ส่งผลให้เกิดปัญหาในการดำเนินงานของแต่ละทีม และการดำเนินงานไม่ต่อเนื่อง และปัญหาที่สำคัญเป็นลำดับที่สาม คือ การไปเยี่ยมบ้านของนักเรียน ต้องใช้เวลามาก เพราะบ้านของนักเรียนอยู่ห่างไกลจากโรงเรียนบางพื้นที่ไปเยี่ยมลำบาก

3.1.2 แนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตามความเห็นของคณะกรรมการระบบการดูแลช่วยเหลือ พบว่า คณะกรรมการแต่ละทีมคือทีมนํา ทีมประสาน และทีมทํา ต้องประสานงานในการวางแผนการทํางานให้ดี มีการกําหนดขั้นตอนที่ชัดเจนให้แต่ละทีมปฏิบัติ เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดีที่สุด รองลงมา คือ ควรให้ความรู้กับผู้ปกครองนักเรียนใน เรื่องการมีส่วนร่วมในการดูแลนักเรียนในระหว่างอยู่ที่บ้าน ลำดับที่สาม คือ กรณีที่บ้านของนักเรียนอยู่ไกลโรงเรียน ควรจัดรถบริการไปเยี่ยมบ้านให้กับครูโดยการจัดไปเป็นทีม

3.1.3 ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเพื่อให้การดําเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือ

นักเรียน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด คณะกรรมการเสนอให้มีการประชุมชี้แจงและสร้างความตระหนักให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย คือครู ผู้ปกครอง นักเรียน และคณะกรรมการประสานงาน ได้ทราบความเคลื่อนไหวของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างสม่ำเสมอ รองลงมา ควรให้ชุมชนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมมากกว่าที่เป็นอยู่

4.1 ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนตามความคิดเห็น

ของนักเรียน

4.1.1 ความต้องการของนักเรียนให้ครูที่ปรึกษาดำเนินการ โดยภาพรวมพบว่า ครูควรแนะนํานักเรียนได้ทุกเรื่อง และหากนักเรียนมีปัญหาไปปรึกษาควรเก็บเป็นความลับ ไม่ซ้ำเติมนักเรียน มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ ไม่ควรทําให้นักเรียนเครียด เช่น พูดมากเกินไป หรืออารมณ์ไม่ดีแล้วไปดุด่านักเรียน ลำดับที่สาม คือ ครูควรทำโทษนักเรียนเมื่อทำผิด

4.1.2 การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการดูแลนักเรียน โดยภาพรวม พบว่า ผู้ปกครองควรจะมีการประสานกับครูที่ปรึกษาเพื่อช่วยกันดูแลและแก้ไขปัญหานักเรียนทั้งทางจดหมาย โทรศัพท์ หรือมาพบด้วยตนเองมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ ควรอนุญาตให้ครูทำโทษนักเรียน เมื่อนักเรียนทําผิด ลำดับที่สาม คือ การติดต่อกับครูทุกเดือนเพื่อรับทราบความเป็นไปของบุตรหลานตนเองในระหว่างอยู่โรงเรียน

4.1.3 ปัญหาเกี่ยวกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยภาพรวมพบว่า

ผู้ปกครองนักเรียนไม่สนใจปัญหาของนักเรียนและไม่หาแนวทางแก้ไขร่วมกับครูที่ปรึกษา มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมา คือ นักเรียนในปัจจุบันนี้ไม่เชื่อฟังครู ไม่เคารพครูและไม่ให้ความร่วมมือกับกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ตามที่ครูหรือโรงเรียนกําหนดไว้ ลำดับที่สาม คือ ครูที่ปรึกษาให้การแก้ไขปัญหาช้าไม่ตรงกับความเร่งด่วนของปัญหา

4.1.4 ข้อเสนอแนะหรือแนวทางแก้ไขการดําเนินงานระบบการดูแล-

ช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียน พบว่า ควรให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น และประชุมบ่อย ๆ เป็นแนวทางที่แก้ปัญหาได้ดีที่สุด รองลงมาคือ โรงเรียนควรจัดสถานที่พักผ่อนให้นักเรียนมากขึ้น

ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้

1. จากผลการประเมิน ด้านสภาพแวดล้อม ที่พบว่า โครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน

มีประโยชน์ต่อนักเรียนในสภาพสังคมปัจจุบัน และการดูแลนักเรียนอย่างเป็นระบบมีความสำคัญ นักเรียนมีความต้องการโครงการนี้มาก และผู้บริหารโรงเรียนเห็นความสำคัญของโครงการ จึงควรประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานให้กับผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบและจัดสร้างเครือข่ายในการดูแลช่วยเหลือนักเรียน พิทักษ์และคุ้มครองสิทธิ์ของนักเรียน

2. จากผลการประเมินด้านปัจจัย ที่พบว่า สถานที่เก็บเอกสารระบบการดูแลช่วยเหลือ

นักเรียนมีความเหมาะสมอยู่ในระดับปฏิบัติได้ผลพอใช้ ทางโรงเรียนจึงควรจัดสรรห้องเฉพาะหรือจัดศูนย์สารสนเทศและจัดให้มีระบบการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นมาตรฐานและสะดวกต่อการนำไปใช้

3. จากผลการประเมินด้านปัจจัย ที่พบว่า ในการเยี่ยมบ้านนักเรียนต้องใช้เวลามากและไปไม่

พบผู้ปกครองนั้น จึงควรกำหนดแผนการเยี่ยมบ้านของโรงเรียนให้ชัดเจน ประชาสัมพันธ์ให้นักเรียนและผู้ปกครองทราบและจัดให้มีการนัดหมายล่วงหน้าเพื่อครูที่ปรึกษาไม่ต้องไปหลายครั้ง

4. จากผลการประเมินด้านกระบวนการ ที่พบว่า ครูที่ปรึกษาในแต่ละระดับชั้นได้

วางแผนร่วมกันในการดำเนินงานและช่วยเหลือนักเรียนเป็นลำดับสุดท้าย จึงควรจัดให้มีการอบรมให้ความรู้ เพื่อสร้างความตระหนักในการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน จัดทำปฏิทินหรือแผนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการแต่ละคณะ และทางโรงเรียนควรมีการนิเทศ ติดตามอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

5. จากผลการประเมินด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหา ที่พบว่า ผู้ปกครองนักเรียนไม่

สนใจปัญหาของนักเรียนและไม่หาแนวทางแก้ไขร่วมกับครูที่ปรึกษา จึงควร จัดให้มีการประชุม อบรมให้ความรู้ แก่ผู้ปกครองหรือเครือข่ายผู้ปกครอง ในการสร้างความตระหนักในการดูแลนักเรียนร่วมกับทางโรงเรียน และครูที่ปรึกษาจะต้องติดต่อสื่อสารกับผู้ปกครองหลากหลายวิธีการ เช่น เยี่ยมบ้าน โทรศัพท์ จดหมาย ฯลฯ เพื่อให้ผู้ปกครองเห็นถึงความสำคัญของนักเรียนหรือปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักเรียน

6. จากผลการประเมินโครงการโดยภาพรวม พบว่า การดำเนินโครงการระบบการดูแล

ช่วยเหลือนักเรียน อยู่ในระดับปฏิบัติได้ผลดี ดังนั้น โครงการระบบการดูแลช่วยแหลือนักเรียน โรงเรียนวัดทุ่งใหญ่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรังเขต 2 จึงสามารถนำไปใช้ได้กับโรงเรียนที่ต้องการดูแลเอาใจใส่นักเรียนอย่างเป็นระบบ

ข้อเสนอแนะในการประเมินครั้งต่อไป

1. การประเมินโครงการในครั้งนี้ ประเมินโครงการโดยศึกษาความคิดเห็นเฉพาะ

คณะกรรมการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และนักเรียนเท่านั้น ควรมีการสอบถามจากผู้ที่มี

ส่วนเกี่ยวข้องคือ ผู้ปกครอง ผู้นําชุมชน และหัวหน้าส่วนราชการในระดับท้องถิ่น เพื่อจะได้แนวคิดที่หลากหลายมากขึ้น

2. ควรมีการศึกษา เรื่อง พฤติกรรมนักเรียนจากการใช้ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนเพื่อแก้ไขพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของนักเรียน ในโรงเรียนวัดทุ่งใหญ่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรังเขต 2

โพสต์โดย เอ : [10 ต.ค. 2561 เวลา 20:58 น.]
อ่าน [5183] ไอพี : 49.229.88.62
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 19,310 ครั้ง
จุฬาฯวิจัยสารสกัดดอกสะเดา มีฤทธิ์ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
จุฬาฯวิจัยสารสกัดดอกสะเดา มีฤทธิ์ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่

เปิดอ่าน 741 ครั้ง
เตรียมพร้อม... เมื่อเข้าสตรีวัยทอง
เตรียมพร้อม... เมื่อเข้าสตรีวัยทอง

เปิดอ่าน 10,939 ครั้ง
ปรับโฉมคนทำงาน ด้วยความสามารถด้านการเชื่อมต่อและระบบอัจฉริยะในยุคดิจิทัล
ปรับโฉมคนทำงาน ด้วยความสามารถด้านการเชื่อมต่อและระบบอัจฉริยะในยุคดิจิทัล

เปิดอ่าน 33,607 ครั้ง
โครงการเพชรในตม โครงการที่ให้ทุนนักเรียนเรียนครูเมื่อจบแล้วบรรจุเป็นครูโดยตรง
โครงการเพชรในตม โครงการที่ให้ทุนนักเรียนเรียนครูเมื่อจบแล้วบรรจุเป็นครูโดยตรง

เปิดอ่าน 9,677 ครั้ง
ออกกำลังแบบไหน ดีกับโรคอะไร
ออกกำลังแบบไหน ดีกับโรคอะไร

เปิดอ่าน 23,133 ครั้ง
คณิตศาสตร์เกิดขึ้นได้อย่างไร
คณิตศาสตร์เกิดขึ้นได้อย่างไร

เปิดอ่าน 13,523 ครั้ง
คุณรู้จักตัวเองดีพอ...หรือยัง ? ลองประเมินตัวเองดูที่นี่
คุณรู้จักตัวเองดีพอ...หรือยัง ? ลองประเมินตัวเองดูที่นี่

เปิดอ่าน 15,262 ครั้ง
กิน เบต้าแคโรทีน มากไป เสี่ยงมะเร็ง
กิน เบต้าแคโรทีน มากไป เสี่ยงมะเร็ง

เปิดอ่าน 1,020 ครั้ง
CRM คืออะไร ระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ที่คนทำธุรกิจต้องรู้จัก!
CRM คืออะไร ระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ที่คนทำธุรกิจต้องรู้จัก!

เปิดอ่าน 13,162 ครั้ง
ดื่มน้ำอัดลม…ระวังกระดูกพรุน!
ดื่มน้ำอัดลม…ระวังกระดูกพรุน!

เปิดอ่าน 17,746 ครั้ง
คลิป งูกินงู กินกลืนกันสดๆ งูหางกระดิ่ง VS King Snake
คลิป งูกินงู กินกลืนกันสดๆ งูหางกระดิ่ง VS King Snake

เปิดอ่าน 20,069 ครั้ง
ดูหรือยัง NameWee หนุ่มจีน-มาเลย์ ร้องเพลงจีบสาวไทย ที่ยอดวิวถล่มทลาย
ดูหรือยัง NameWee หนุ่มจีน-มาเลย์ ร้องเพลงจีบสาวไทย ที่ยอดวิวถล่มทลาย

เปิดอ่าน 8,236 ครั้ง
เหลียวหลัง แลหน้า ปฏิรูปการศึกษาพื้นฐานไทย
เหลียวหลัง แลหน้า ปฏิรูปการศึกษาพื้นฐานไทย

เปิดอ่าน 18,541 ครั้ง
มารู้จัก GAT และ PAT กันดีกว่า
มารู้จัก GAT และ PAT กันดีกว่า

เปิดอ่าน 12,463 ครั้ง
วิจัยเผย เฟซบุ๊กทำให้คนมีความอิจฉามากขึ้น
วิจัยเผย เฟซบุ๊กทำให้คนมีความอิจฉามากขึ้น

เปิดอ่าน 35,131 ครั้ง
รับชมย้อนหลัง "แนวทางใหม่การให้วิทยฐานะครู" ยุค นพ.ธีระเกียรติ จากรายการ เผชิญหน้า FaceTime  (7 ก.พ. 2560)
รับชมย้อนหลัง "แนวทางใหม่การให้วิทยฐานะครู" ยุค นพ.ธีระเกียรติ จากรายการ เผชิญหน้า FaceTime (7 ก.พ. 2560)
เปิดอ่าน 11,006 ครั้ง
การทำงานของ"รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์"ในสายตาประชาชน
การทำงานของ"รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์"ในสายตาประชาชน
เปิดอ่าน 21,161 ครั้ง
ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2554
ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2554
เปิดอ่าน 10,697 ครั้ง
เปิดกลุ่มงานเงินเดือนดี๊ดีสำหรับคนเก่งภาษา
เปิดกลุ่มงานเงินเดือนดี๊ดีสำหรับคนเก่งภาษา
เปิดอ่าน 30,667 ครั้ง
เหรียญพิทักษ์เสรีชนชั้นที่ 1
เหรียญพิทักษ์เสรีชนชั้นที่ 1

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ