ชื่อเรื่อง การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้
แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง พืชรอบตัว
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ผู้ศึกษาค้นคว้า หทัยรัตน์ ทนันไธสง
สถานศึกษา โรงเรียนบ้านสระซาง อำเภอหนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานคราชสีมา เขต 3
ปีที่ศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้การสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น
เป็นกิจกรรมพัฒนาที่เน้นการถ่ายโอนการเรียนรู้ และให้ความสำคัญเกี่ยวกับการตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียน ส่งเสริมให้นักเรียนแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ค้นพบองค์ความรู้ และแก้ปัญหาด้วยตนเองโดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการแก้ปัญหาการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคน
จึงควรมีพื้นฐานทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานสำหรับการเรียนรู้ การวิจัยครั้งนี้
มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้
แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง พืชรอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ
หาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง พืชรอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านสระซาง ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง พืชรอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนบ้านสระซาง
อำเภอหนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2 จำนวน 5 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง พืชรอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 8 ชุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง พืชรอบตัว สำหรับนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 10 แผน ใช้เวลาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 18 ชั่วโมง
รวมระยะเวลาในการทดสอบก่อนเรียนหลังเรียน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
เรื่อง พืชรอบตัว กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เป็นแบบปรนัย
ชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากง่ายตั้งแต่ 0.31 ถึง 0.74 มีค่าอำนาจจำแนก (r) ตั้งแต่ 0.22 ถึง 0.84 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.87 และ 4) แบบสอบถาม
ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้การจัด
การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง พืชรอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนก (r)
ตั้งแต่ 0.35 ถึง 0.78 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .874 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบที (t test)
ผลการศึกษาค้นคว้า ปรากฏดังนี้
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ
หาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง พืชรอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
มีประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 85.62/88.52 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง พืชรอบตัว สำหรับนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านสระซาง มีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง พืชรอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( =4.40 , S.D. = 0.76)
โดยสรุป ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ
หาความรู้ 7 ขั้น (7E) เรื่อง พืชรอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพ
ตามเกณฑ์ที่เชื่อถือและยอมรับได้ สามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้แก่นักเรียนและใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับครู และผู้เกี่ยวข้องในการจัดการศึกษานำไปปรับปรุง แก้ไข ประยุกต์ใช้ ซึ่งครูผู้สอนสามารถนำไปใช้ในการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเนื้อหาอื่นให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น