|
|
ชื่อเรื่อง : การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ เรื่อง
ชนิดและหน้าที่ของคำในภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถม
ศึกษาปีที่ ๔-๖ โรงเรียนบ้านบือแรง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส
ผู้ศึกษา : นางสาวต่วนจันทิมา ตอกอ
ตำแหน่ง : ครู โรงเรียนบ้านบือแรง สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
นราธิวาส เขต ๑
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ ๑) เพื่อสร้างและพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน กิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ เรื่องชนิดและหน้าที่ของคำในภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔-๖ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน ๘๐/๘๐ ๒) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน จากการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ เรื่องชนิดและหน้าที่ของคำในภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔-๖ โรงเรียนบ้านบือแรง และ ๓) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ เรื่องชนิดและหน้าที่ของคำในภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔-๖ โรงเรียนบ้านบือแรง จำนวน ๒๐ คน ในภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ ของโรงเรียนบ้านบือแรง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย ๑) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ เรื่องชนิดและหน้าที่ของคำในภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ พร้อมคู่มือการใช้ ๒) แผนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ เรื่องชนิดและหน้าที่ของคำในภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔-๖ จำนวน ๙ แผนการจัดการเรียนรู้ ๓) แบบบันทึกผลการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและแบบบันทึกการทำแบบฝึกหัด และ ๔) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔-๖ ที่มีต่อการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ เรื่องชนิดและหน้าที่ของคำในภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔-๖ จำนวน ๑๐ ข้อ ดำเนินการศึกษาในภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ ในระหว่างวันที่ ๑ เดือน มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๒๙ เดือน มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๑ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ยและค่าร้อยละ
ผลการศึกษาพบว่า ๑) ค่าประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ เรื่องชนิดและหน้าที่ของคำในภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔-๑ โรงเรียนบ้านบือแรง ปีการศึกษา ๒๕๖๑ มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ ๘๘.๔๘/๘๕.๑๗ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ๘๐/๘๐ ที่กำหนดไว้ ๒) ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ เรื่องชนิดและหน้าที่ของคำในภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔-๖ โรงเรียนบ้านบือแรง ปีการศึกษา ๒๕๖๑ ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยร้อยละ ๔๖.๖๗ และหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยร้อยละ ๘๕.๑๗ โดยมีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๘.๕๐ ๓) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ เรื่องชนิดและหน้าที่ของคำในภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔-๖ โรงเรียนบ้านบือแรง ปีการศึกษา ๒๕61 โดยภาพรวม มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๔๐ คิดเป็นร้อยละ ๘๗.๙๐ อยู่ในระดับมาก โดยค่าเฉลี่ยนักเรียนนำความรู้ไปใช้ในการสื่อสารได้ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ๔.๖๕ รองลงมาคือ นักเรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข ได้ค่าเฉลี่ย ๔.๖๐
ข้อเสนอแนะจากการศึกษาพบว่า การเรียนรู้โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนจะมีประสิทธิภาพมากหากสถานศึกษามีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พร้อมและครูผู้สอนควรบันทึกโปรแกรมบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ เรื่องชนิดและหน้าที่ของคำในภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔-๖ จากแผ่นซีดีลงไปในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องเพื่อความสะดวก รองรับการใช้งานของผู้เรียน และเนื่องจากค่าเฉลี่ยความพึงพอใจเรื่องคำแนะนำการใช้บทเรียนมีความชัดเจน มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ ๔.๑๕ ดังนั้นครูผู้สอนควรอธิบายวิธีการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเพิ่มเติมหากผู้เรียนยังไม่เข้าใจและควรสาธิตการใช้งานบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในขั้นต้นให้กับผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจและสามารถใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จนเกิดการเรียนรู้ที่ยั่งยืนต่อไป
|
โพสต์โดย ต่วนจันทิมา ตอกอ : [7 ก.ย. 2561 เวลา 05:14 น.] อ่าน [5401] ไอพี : 49.49.209.91
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 26,036 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,959 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,731 ครั้ง
| เปิดอ่าน 29,974 ครั้ง
| เปิดอ่าน 51,424 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,052 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,297 ครั้ง
| เปิดอ่าน 39,596 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,903 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,335 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,358 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,963 ครั้ง
| เปิดอ่าน 26,303 ครั้ง
| เปิดอ่าน 8,691 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,251 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 21,481 ครั้ง
| เปิดอ่าน 23,021 ครั้ง
| เปิดอ่าน 8,946 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,535 ครั้ง
| เปิดอ่าน 121,326 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|